แนะนำสถานที่แสวงบุญ และเที่ยวในอินเดีย เนปาล ศรีลังกา อื่น ๆ
สังเวชนียสถาน 4 ตำบล อินเดีย เนปาล
สังเวชนียสถาน ทั้ง 4 แห่งนั้นนับว่าเป็นสถานที่สำคัญที่ชาวพุทธผู้ศรัทธา ตั้งใจว่าจะต้องเดินทางไปสักการะให้ได้สักครั้งในชีวิต เป็นการตามรอยพระพุทธเจ้าในดินแดนต้นกำเนิดศาสนาพุทธยังสถานที่ทั้ง 4 ที่อยู่ในประเทศอินเดีย และเนปาล ซึ่งก็มีความสำคัญตรงกับวันวิสาขบูชา อันได้แก่ วันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน รวมถึงสถานที่แสดงปฐมเทศนาด้วย นับได้ว่าเป็นการเดินทางเพื่อความตื่นรู้ เบิกบาน และระลึกถึงพระพุทธเจ้าโดยแท้ เป็นสถานที่ควรไปเคารพสักการะ ควรไปแสวงบุญ เพื่อให้เกิดความสังเวช และเกิดพุทธานุสติ อันจักนำมาซึ่งบุญกุศลและความปลาบปลื้มแช่มชื่นใจ จากเนื้อความในมหาปรินิพพานสูตร แสดงให้เห็นว่าสังเวชนียสถานทั้งสี่นี้ได้เกิดขึ้นโดยคำตรัสของพระพุทธองค์ ที่ได้ตรัสว่า ผู้ใดระลึกถึงพระองค์ พึงจาริกไปยังสังเวชนียสถานทั้งสี่นี้ (ที่มา : พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร. พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ) ได้แก่ลุมพินีวัน สถานที่ประสูติแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า, ธัมเมกขสถูป สารนาถ สถานที่แสดงปฐมเทศนาของพระพุทธเจ้า, กุสินาราสถานที่ดับขันธปรินิพพาน จักมีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่หมาย เริ่มฤดูกาลแสวบุญในช่วงเดือน พ.ย. - มี.ค.ของทุกปี โดยมีการเริ่มจองทริปตั้งแต่ช่วงเข้าพรรษา เป็นต้นไป
นครสีชมพู ชัยปุระ
จัยปูร์ (Jaipur) หรือ ชัยปุระ เป็นเมืองหลวงของ รัฐราชสถาน (Rajastan) ประเทศอินเดีย และยังเป็นเมืองที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับที่ 10 ของประเทศอีกด้วย โดยตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย นครแห่งนี้เคยรุ่งเรืองในแถบตะวันออก และขึ้นชื่อเรื่องการวางผังเมืองได้เป็นอย่างดี บริเวณใจกลางเมืองแบ่งผังเมืองเป็นตารางพร้อมถนนล้อมรอบสี่ด้านสวยงาม และเป็นระเบียบ สามารถจัดทริปได้จากเดลี อักรา ชัยปุระ ได้อย่างสะดวกสบาย หรือ ไหว้พระที่พุทธคยา ไปพาราณสี แล้วบินภายในต่อไปยังชัยปุระ อักรา เดลี ได้อย่างชิล ชิล หรือท่านสนใจทริปล่องแคว้นแดนราชา มีชัยปุระ จ๊อดปูร์ อุทัยปูร์ ไจซาลแมร์ ครบ สุดยอดของความประทับใจเลยทีเดียว แนะนำให้เดินทางฤดูหนาว คือ จากเดือน พ.ย. - ก.พ. ของทุกปี ดีที่สุด
อักรา ทัชมาฮาล
ในฤดูหนาว หากว่าได้เดินทางมายังทัชมาฮาลช่วงเช้า ๆ บรรยากาศแสนโรแมนติก ท่านจะไม่พลาด เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก สมกับคำว่า มหัศจรรย์อินเดีย หากว่าท่านไม่ชอบให้คนเยอะ แนะนำเดินทางช่วงเดือน เมษายน - ตุลาคม ข้อเสียคือ อากาศค่อนข้างร้อน
ดารัมซาลา มะนาลี ชิมลา เส้นทางอ้อมกอดหิมาลัย
ยอดเขาตรีอูน ดารัมซาลา
ชิมลายามอากาศสดใส
ชิมลา เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่สุดของรัฐหิมาจัลประเทศ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติในอ้อมกอดหิมาลัย ด้วยเส้นทางในฝันของใครหลาย ๆ คน ดารัมซาลา มะนาลี ชิมลา แสนโรแมนติก เหมาะกับการเดินทางช่วงเดือน เมษายน - ตุลาคม
เลห์ ลาดัก แคชเมียร์
หนึ่งในเส้นทางในฝันของใคร ๆ คน เลห์ ลาดัก แคชเมียร์ เป็นเส้นทางสายโรแมนติก ขุนเขากับผืนฟ้าอันกว้างไกล ไปแล้ว ท่านจะประทับใจมิรู้ลืม แนะนำให้เดินทางช่วงเดือนพฤษภาคม - พฤศจิกายน ได้เลย
สิกขิม อ้อมกอดหิมาลัย
ดาร์จีลิ่ง ราชินีแห่งขุนเขา
สิกขิม นี่อินเดียหรือสวิสเซอร์แลนด์ ให้ภาพบรรยาย แนะนำเดินทางเส้นทาง โกลกัตตา ดาร์จีลิ่ง สิกขิม สะดวกที่สุด ช่วงเดือนมีนาคม - ตุลาคม
***************************************************
ศรีลังกา เสน่ห์แดนพุทธศาสนา
วัดเกลาณียะราชมหาวิหาร อยู่ห่างจากกรุงโคลัมโบประมาณ 13 กิโลเมตรทางทิศเหนือ วัดแห่งนี้มีความสำคัญต่อชาวพุทธศรีลังกาเพราะเชื่อว่าองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ที่เป็นสาวกอีก 500 รูปได้เคยเสด็จมายังวัดแห่งนี้ในวันวิสาขบูชาตามคำเชิญของเจ้าผู้ครองแคว้น กัลยาณี ซึ่งเป็นพญานาค นามว่า มณีอัคขิกะ ซึ่งปัจจุบัน ในบริเวณวัดมีพระเจดีย์ทรงระฆังคว่ำสีขาวผุดผ่องขนาดมหึมาซึ่งชาวพุทธศรี ลังกาเชื่อว่าเป็นพระเจดีย์ที่บรรจุพระแท่นบัลลังค์ที่องค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าประทับเมื่อคราวมาโปรดพญานาคมณีอัคขิกะและบริวาร
วัดนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกช่วงประมาณปี พ.ศ. 300 โดยกษัตริย์ยัฎฐาลาติสสะ เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในรัชสมัยพระเจ้าปรากรมพาหุที่ 6 แห่งราชอาณาจักรโกฏเฏ ซึ่งโปรดให้สร้างวัดแห่งนี้ให้เป็นวัดที่ยิ่งใหญ่ มีสิ่งปลูกสร้างมากมาย มีพระสงฆ์พำนักนับร้อย จนกลายเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาที่สำคัญ และได้ถูกบรรยายว่าวัดแห่งนี้งดงามราวสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2048 วัดได้ถูกผู้รุกรานชาวโปรตุเกสเผาทำลายลงจนสิ้นซาก
ต่อมากษัตริย์กีรติศรีราชสิงหะ ซึ่งปกครองราชอาณาจักรแคนดี้ ในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2290 - 2325 ได้ทำข้อตกลงกับผู้ปกครองลังกาในยุคนั้น คือ ฮอลันดา ให้สามารถส่งพระสงฆ์เข้าไปบูรณะวัดได้ ดังนั้น เมื่อปี 2310 ได้โปรดให้พระมปิฏิกามะ พุทธรักขิตตะเถระ พร้อมพระสงฆ์จำนวนหนึ่งเดินทางไปปฏิสังขรณ์วัด แต่เหตุการณ์ทางการเมืองที่วุ่นวายซึ่งส่งผลให้ลังกากลายเป็นอาณานิคมของ อังกฤษใด้ทำให้ภารกิจดังกล่าวต้องชะงักลง
ต่อมา เมื่อปี พ.ศ. 2431 นางเฮเลนา วิเจวาร์เดนา เศรษฐีนีแห่งกรุงโคลัมโบได้สนใจและได้อุทิศทรัพย์สินในการบูรณะปฏิสังขรณ์ วัด ดังนั้น สิ่งปลูกสร้างที่พบเห็นในบริเวณวัดในปัจจุบันจึงเป็นผลจากแรงศรัทธาของเธอ และครอบครัวทั้งสิ้น จุดเด่นที่สำคัญของวัดคือพระวิหาร ซึ่งประกอบด้วยพระนอน ห้องประดิษฐานพระสารีริกธาตุ และภาพจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องชาดก พุทธประวัติ และเหตุการณ์สำคัญทางพุทธศาสนาในศรีลังกา ซึ่งภาพเหล่านั้นเป็นผลงานของนายโสริอัส เมนดิส ศิลปินชื่อดังของศรีลังกาที่ได้อุทิศเวลากว่า 20 ปีในการรังสรรค์ภาพจิตรกรรมที่งดงามดังกล่าว
ยังมีความเชื่อด้วยว่า วัดเกลาณียะเป็นที่สถิตของเทพวิภิศณะ หรือพระยาพิเภก น้องชายของท้าวทศกัณฑ์ ซึ่งพระรามมอบหมายให้ปกครองกรุงลงกาสืบแทน และเชื่อกันว่าเทพวิภิศณะนั้นศักดิ์สิทธินัก หากบนบานขอบุตรธิดากับท่าน ก็มักจะสำเร็จตามความปรารถนาทุกราย
ประเพณีแห่พระบรมธาตุเขี้ยวแก้วอันศักดิ์สิทธิ์ ณ เมืองแคนดี้ ประเทศศรีลังกา
ขบวนแห่พระธาตุเขี้ยวแก้วในวันสุดท้ายแสนยิ่งใหญ่ และศักดิ์สิทธิยิ่ง
หนึ่งปีมีเพียง 11วัน10คืน ถือเป็นงานยิ่งใหญ่ประจำปีของชาวศรีลังกา ประชาชนร่วมงานกว่า 200,000 คนต่อวัน เทพอุดมธรรม ทราเวล จัดรอบพิเศษ 17 - 22 ส.ค. 2567 - ทริปแสวงบุญศรีลังกา และชมแห่พระเขี้ยวแก้ว ที่นั่ง VIP รับจำนวนจำกัดเพียง 20 ที่ เท่านั้น ราคาเริ่มต้น 49,500 บาท ราคานี้รวมที่นั่ง VIPและตั๋วเครื่องบินแบบไปกลับ บิน ศรีลังกาแอร์ไลน์ เรียบร้อยแล้ว พักโรงแรม 5 ดาว สนใจสอบถามเพิ่มเติม โทร 093 - 641 5479
เทศกาลแห่พระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้ ประเทศศรีลังกา จัดขึ้นทุกปีประมาณเดือนสิงหาคม ระยะเวลา 10 คืนและอีก1วัน ถือเป็นงานมงคล สมโภชพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว ประจำปีของชาวศรีลังกา
พระราชวังลอยฟา สิกิริยา ศรีลังกา
ทางขึ้นยอดเขาสิกิริยาตรงขาสิงห์
สิกิริยา มีประวัติความเป็นมายาวนาน นับตั้งแต่พุทธปรินิพพานได้ 277 ปี พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ ได้เสด็จประพาสและตั้งชื่อภูเขาแห่งนี้ว่าสีหคีรี ซึ่งแปลว่า เขาสิงห์ ต่อมาใน พ.ศ.440-454 พระเจ้าปุลหัตถะได้สร้างป้อมพร้อมศาลาโรงธรรมไว้ที่นี่ ในรัชสมัยของพระเจ้าพาหิยะได้สืบทอดเจตนารมณ์ของพระราชบิดาโดยการสร้างโรงทานสำหรับพระภิกษุ จนมาถึงในรัชสมัยพระเจ้ากัสสปะ พ.ศ.1020 ได้ทรงสร้างสีหคีรีนี้เป็นป้อมปราการและเป็นพระบรมมหาราชวังด้วย
การที่จะสร้างให้สิกิริยาเป็นราชธานนี้ มีมาตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าธาตุเสน ราชธานีของพระองค์อยู่ที่อนุราชปุระ พระองค์มีพระราชประสงค์จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มีอำนาจทั้งฟ้าและดิน จึงต้องหาที่สร้างวังบนยอดเขา ต่อมาเจ้าชายกัสสปะพระราชโอรสผู้ประสูติจากมเหสีฝ่ายซ้ายซึ่งเป็นหญิงสามัญชน ได้ยึดอำนาจการปกครองจากพระเจ้าธาตุเสน ทำให้เจ้าชายโมคคัลลาน์ รัชทายาทซึ่งประสูติจากสมเด็จพระราชินีต้องลี้ภัยไปอยู่ประเทศอินเดีย
หลังจากเจ้าชายกัสสปะ ได้จับพระราชบิดาขังคุกแล้วโบกปูนปิดทับทั้งที่ยังมีพระชนม์ชีพ จากนั้นก็สถาปนาพระองค์เองเป็นพระมหากษัตริย์ ทรงไม่โปรดที่จะครองราชย์อยู่ที่อนุราธปุระ ทรงย้ายราชธานีมาอยู่ที่สิคีริยา ใช้เวลาในการสร้างนาน 7 ปี พระเจ้ากัสสปะครองราชย์อยู่นาน 18 ปี ก็ถูกเจ้าชายโมคคัลาน์ พระอนุชาต่างพระมารดา ยกทัพมาจากประเทศอินเดียมาชิงพระราชบังลังก์คืน ทรงล้อมสีหคีรีไว้แน่นหนา พระเจ้ากัสสปะไม่มีทางสู้ จึงตัดสินพระทัยปลิดพระชนม์ชีพพระองค์เองในพระราชวังบนขุนเขาแห่งนี้
เป็นหนึ่งในหมุดจุดหมายของการเดินทางไหว้พระที่ศรีลังกา โดยเริ่มจาก โคลัมโบ อนุราธปุระ ดัมบุลลา สิกิริยา แค่นดี้ กราบพระธาตุเขี้ยวแก้ว ไร่ชซีลอนอันเลื่องชื่อ สนใจติดต่อเราแล้วท่านจะไม่ผิดหวัง
เมืองนูวาร่า เอลิยา เมืองอังกฤษน้อย อากาศดีตลอดปี 17 องศา
ศูนย์ไปรษณีย์สไตล์โคโลเนี่ยล
ยุคสมัยอาณานิคมอันรุ่งเรืองของอังกฤษได้ยึดครองดินแดนเป็นจำนวนมาก ประเทศศรีลังกาก็เป็นอีกที่หนึ่งที่อังกฤษได้เข้ามายึดครอง ช่วงปีพ.ศ.2358-2491 ความที่ชาวอังกฤษเป็นคนเมืองหนาว ดังนั้นเมื่อไปอยู่ที่ดินแดนแห่งใหม่พวกเขามักจะหาที่พำนักเป็นเมืองกลางหุบเขาที่อากาศเย็นสบาย เมืองนูวารา เอลิยาตั้งอยู่บนที่สูงประมาณ 1868 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อุณหภูมิภูมิเฉลี่ย 10-17 องศาเซลเซียส
อดีตเมืองตากอากาศของอังกฤษและเมืองแห่งใบชาจนถึงปัจจุบัน ช่วงก่อนที่จะเข้าถึงเมืองนี้ เราได้สัมผัสถึงความสดชื่นเย็นฉ่ำ ทิวทัศน์อันน่ามหัศจรรย์ปรากฏอยู่ตามข้างทาง ภูเขาสูงที่อยู่ด้านข้างของถนนเขียวชะอุ่ม มีฝนตกโปรยปราย ทั้งยังเห็นเส้นน้ำของน้ำตกที่ไหลลงมาให้เห็นกันอย่างชัด ๆ ข้างทาง ช่วงใกล้เมืองได้เห็นไร่ชาซีลอนครอบครองพื้นที่บนเนินเขา เห็นตัวอักษรขนาดใหญ่ของอาณาจักรชา Mackwoods ผู้เป็นตำนานยุคบุกเบิกการทำไร่ชาของศรีลังกา เมืองนี้ยังมีอาคารสวยแบบยุคอาณานิคมเหลืออยู่หลายแห่ง อย่างเช่น ตึกที่ทำการไปรษณีย์ โรงแรมแกรนด์โฮเต็ล ด้านหน้าโรงแรมเป็นระเบียงเปิดชมสวน ขายชาซีลอนหลากกลิ่นหลากรส
ยังมีลูกเล่นน่ารัก ๆ ของเด็กหนุ่มนักขายดอกไม้ ช่วงขากลับพวกเขาจะดักรอนักท่องเที่ยวอยู่ข้างทาง ในช่วงของถนนที่มีความคดเคี้ยวไปมา เริ่มจากเขามายืนเสนอขายให้เห็นหน้าครั้งแรก หากว่ายังไม่ซื้อเขาก็จะวิ่งไถลตัวลงไปดักหน้าอยู่ด้านล่างอีกรอบ เหมือนหายตัวเปลี่ยนที่ได้ คอยชักชวนด้วยอัธยาศัยไมตรีอย่างน่าเห็นใจ ซึ่งก็ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยใจอ่อน ยอมซื้อดอกไม้ช่อโตซึ่งสวยงามสะพรั่งเต็มอ้อมแขน
เป็นหนึ่งในเส้นทางไหว้พระศรีลังกา ของ เทพอุดมธรรม ทราเวล ด้วย
โพคาร่า ดินแดนป่าหิมพานต์
แสงแรกแห่งโพคารา
เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงมากอีกแห่งหนึ่งของเนปาลที่ไม่ควรพลาดชมเป็นอย่างยิ่ง เป็นเมืองที่มีมนต์เสน่ห์อยู่ในวงล้อมหุบเขา สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 884 เมตรเป็นจุดที่สามารถชมความงามของเทือกเขาหิมาลัยได้ใกล้ที่สุด เนื่องจากอยู่ห่างจากบริเวณเทือกเขาหิมาลัยเพียง 30 กิโลเมตร รวมทั้งเป็นสถานที่ที่นักเดินทางผจญภัย เดินป่า ไต่เขา ล่องแพ นิยมเดินทางมายังเมืองนี้ เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางขึ้นเขาหิมาลัยเพื่อพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกคือ “ยอดเขาเอเวอร์เรสต์” นั่นเอง เส้นทางนี้ท่านสามารถเที่ยวกาฐมัณฑุ นากาก๊อต อันนาบูรณา ได้อีกด้วย ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
เส้นทางสายคาราโครัมไฮเวย์ ปากีสถาน สวยสดงดงามราวภาพวาด
แฟรี่มิโดว์ ปากีสถาน
“คาราโครัมไฮเวย์” ถนนลอยฟ้ากับความสวยที่ไม่มีใครทัดเทียม
บทสรุปของการเดินทาง 10 วัน 9 คืน บนหนึ่งในถนนไฮเวย์ที่สวยที่สุดในโลก
ผจญภัยทุกสภาพภูมิประเทศตั้งแต่ ทะเลทราย ทะเลสาบ ที่ราบสูง ทุ่งหญ้า จนถึงภูเขาหิมะ หนึ่งในเส้นทางแห่งความฝันของเหล่านักเดินทางที่ชีวิตนี้ควรต้องมาเห็นด้วยตาตนเอง สัมผัสด้วยใจสักครั้ง ความปลอดภัยในการเดินทางที่อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ในปัจจุบัน การเดินทางที่ทำได้สะดวกสบายมากขึ้นเพราะมีทั้งไฟลต์บินตรงจากกรุงเทพ และสามารถต่อสายการบินในประเทศเพื่อประหยัดเวลาการเดินทางได้อีกขั้น ที่พักที่มีให้เลือกหลากหลาย อาหารที่รสชาติถือว่าไม่เลว และที่แน่นอนอัธยาศัยไมตรีของคนที่นี่นั้นพร้อมจะมอบมิตรภาพให้เราตลอดเวลา เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่ผมจะชอชวนทุกๆคน มาร่วมเดินทางไปพร้อมกับผมอีกสักครั้งในเส้นทาง “คาราโครัมไฮเวย์”
บาหลี อินโดนีเซีย
บุโรพุทโธ
มหัศจรรย์ BALI บุโรพุทโธ
พระมหาเจดีย์บุโรพุทโธ ศาสนสถานแห่งศาสนาพุทธ สร้างขึ้นมากว่าพันปีแล้ว เป็นสถูปแบบมหายานที่สร้างขึ้นโดยกษัตริย์แห่งราชวงศ์ไศเลนทร์ ประกอบไปด้วยหินภูเขาไฟที่มีความแข็งแรงทนทานที่แต่ละก้อนต่อเติมกันจนกลายเป็นบุโรพุทโธอันยิ่งใหญ่ มีความงดงามในแบบศิลปะฮินดู-ชวา ตั้งอยู่บนเนินสูงจากพื้นดินราว 15 เมตร จึงเป็นที่มาของชื่อ บุโรพุทโธ ที่แปลว่า วิหารที่สร้างบนภูเขาสูง
ยูเนสโกได้ยกย่องให้บุโรพุทโธเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม ภายใต้ชื่อ กลุ่มวัดบรมพุทโธ เมื่อปี พ.ศ. 2534 โดยถือเป็นผลงานชิ้นเอกที่ผ่านการสร้างสรรค์อันชาญฉลาด มีอิทธิพลในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาทางสถาปัตยกรรม และมีความโดดเด่นในประวัติศาสตร์
บุโรพุทโธ ถือเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธที่ใหญ่ที่สุดในโลก บนพื้นที่ถึง 2 ล้านตารางฟุต ที่มีความกว้างด้านละ 121 เมตร สูง 403 ฟุต ลองคิดภาพตามว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน
บุโรพุทโธจะมีอยู่ 3 ส่วนหลักๆ คือ
ส่วนที่ 1 ส่วนฐาน เป็นลาน 4 เหลี่ยม เรียกว่า กามภูมิ กำแพงรอบฐานมีภาพสลักอันงดงาม ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ ยังมีความรักโลภโกรธหลง
ส่วนที่ 2 เป็นลานวงกลม เรียกว่า รูปภูมิ เป็นระเบียงที่สลักเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ และชาดกต่างๆ เป็นขั้นตอนที่มนุษย์เริ่มหลุดพ้น
ส่วนที่ 3 เป็นสถูป เรียกว่า อรูปภูมิ มีเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ 72 องค์ ภายในเจดีย์แต่ละองค์บรรจุพระพุทธรูป ล้อมรอบสถูป และรูปปั้นพระพุทธรูปที่เรียงรายลดหลั่นกันอยู่ 3 ชั้น ส่วนเจดีย์องค์ใหญ่สุดไม่ได้บรรจุสิ่งใดไว้ เห็นถึงความว่าง คือเข้าสู่นิพพาน
ทั้งยิ่งใหญ่ และเต็มไปด้วยเรื่องราว ควรค่าแก่การไปเยือนสักครั้งในชีวิต หากใครยังไม่มีแพลนไปไหน ลองไปดื่มด่ำกับอารยธรรมแห่งพระพุทธศาสนาที่บุโรพุทโธกันดีกว่า
ท่านสามารถบินภายในได้ภายในวันเดียว หรือ ค้างคืนเกาะชวาซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาเจดีย์บุโรพุทโธ แล้วไปเดินช๊อปปิ้งที่ถนนคนเดิน แล้วท่านจะประทับใจมิรู้ลืม
มหาเจดีย์ชเวดากอง
เจดีย์ชเวดากอง ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาสิงคุตระ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า โดยคำว่า "ชเว" หมายถึง ทอง, "ดากอง" แผลงเป็น, ภาษามอญเรียกชื่อว่า ตะเกิง) คือชื่อดั้งเดิมของเมืองย่างกุ้ง[ เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระโคตมพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น ยอดสุดขององค์เจดีย์บริเวณลูกแก้วหรือหยาดน้ำค้างประดับด้วยเครื่องประดับต่าง ๆ และเพชร 5,448 เม็ด ชั้นบนสุดมีทับทิม 2,317 เม็ดและเพชรเม็ดใหญ่ 76 กะรัต เพื่อรับลำแสงแรกและลำแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ ผู้ที่เข้ามานมัสการหรือเยี่ยมชมจะต้องถอดรองเท้าทุกครั้ง
ปัจจุบันเดินทางได้แล้วด้วยความสะดวกโดยมีสายการบินบินตรงจากกรุงเทพ ย่างกุ้ง พักย่างกุ้งสักคืน หรือ ไปเที่ยวต่อที่พระธาตุอินแขวนก็ย่อมได้ ชิล ๆ
พระธาตุอินแขวน
พุกาม
มัณฑะเลย์
ดินแดนมังกรสายฟ้าแห่งเทือกเขาหิมาลัย
วัดทักซัง หนึ่งในไฮไล้ของทริปภูฏาน
วัดทักซัง (The Tiger’s Nest) นี้ตั้งอยู่ที่เมืองพาโร ประเทศภูฏานค่ะ เป็นสถานที่แห่งศรัทธาสำคัญของประเทศ และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกด้วยความงดงามและมนต์เสน่ห์แห่งโลกตะวันออกนั่นเอง
ทักซัง แปลว่า “รังเสือ” เล่าสืบต่อกันมาเป็นตำนานว่า กูรูรินโปเซทรงขี่นางเสือเหาะมา แล้วเข้าบำเพ็ญสมาธิอยู่ในถ้ำรังเสือนานถึงสามเดือน แล้วสำแดงกายให้เห็นในภาคกูรูโดร์จีสะกดภูติผีปิศาจร้ายแล้วเทศนาสั่งสอนผู้คนในหุบเขาพาโรจนหันมายอมรับนับถือพุทธศาสนากันนั่นเอง
พูนาคาซอง
ป้อมปราการประจำเมืองพูนาคา ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำโพและแม่น้ำโม สร้างในปี ค.ศ.1637 โดยท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล เคยเป็นเมืองหลวงของภูฏานนานถึง 300 ปี ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการบริหารปกครองเขตพูนาคา องค์กรสงฆ์ส่วนกลางจะย้ายมาที่นี่นาน 6 เดือนเต็มในฤดูหนาว เนื่องจากพูนาคาซองอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,350 เมตร ต่ำกว่าเมืองทิมพูที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,400 เมตร จึงมีภูมิอากาศอบอุ่นกว่า
ควรเดินทางช่วงที่ปลอดจาหน้าหนาวจัด ๆ แล้ว คือช่วงตั้งแต่ เมษายน - กันยายน ดีที่สุด
เที่ยวภูฏาน:
คิมหันต์และมนตรา
เดินทางให้รู้ว่า ชีวิตเราก็เท่านี้
‘ภูฏาน’ ดินแดนมหัศจรรย์ที่สามารถเปลี่ยนทัศนคติการใช้ชีวิตจากการท่องเที่ยวเพียง 5 วัน ประเทศที่ปกคลุมด้วยคาถาบริกรรมจากธงมนตรา เชื้อเชิญให้เราไปสัมผัสความเรียบง่ายแสนธรรมดาในหน้าร้อน และตื่นตะลึงกับความงดงามจากธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ด้วยตาเนื้อของตัวเอง
เสมือนหนึ่งเราถูกสะกดจากธงมนตาที่ชาวบ้านใช้ภาวนา มีหลายหลาก ๕ สีตามรายทาง แทนความหมายสำคัญของดิน น้ำ ลม ไฟ และชีวิต และร่วมเคารพบูชาสถูปหรือโชว์เต็นตามทางแยก ที่ชาวบ้าน คนแก่กำลังเดินทักษิณา และที่เห็นตั้งเด่นสง่างามแต่ไกลๆ คือซองหรือวัดรูปทรงเหลี่ยมแต่งลวดลายโบราณตามวัฒนธรรมภูฏาน มักอยู่ตามยอดเขาหรือที่ราบสูงให้ผู้คนศรัทธาธรรมตามหมู่บ้านต่างๆ
ท่ามกลางภูเขาที่ล้อมรอบเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี น้ำตกที่ไหลลงมาเป็นสายน้ำลำธารตลอดเส้นทางดุจประหนึ่งเรากำลังอยู่ในอ้อมกอดของธรรมชาติ อบอวลด้วยมิตรไมตรีของผู้คนข้างทางที่ผ่านไปโบกมือให้เราอย่างต้อนรับ พร้อมรอยยิ้ม ยิ่งเด็กด้วยแล้ว แก้มเป็นสีแดงน่ารักเพราะอากาศเย็นทำให้เลือดสูบฉีด ทุกครั้งที่เรามองลอดออกไปทางหน้าต่างรถเราจะได้รับการต้อนรับจากชาวภูฏานที่พบเห็นไม่เว้นแม้แต่เด็กที่หยุดและโบกมือยิ้มให้