ในฐานะพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย ขอให้เหตุผลของการเดินทางไปไหว้พระแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย เพื่อจักให้ท่านผู้ศรัทธาได้พิจารณาดังนี้
1.เพราะอินเดียเป็นแผ่นดินต้นกำเนิดพระพุทธศาสนา หากเราจะเปรียบเทียบการบำรุงต้นไม้ก็ต้องรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย ก็ต้องรดน้ำที่ต้นที่ราก ต้นไม้จึงจะเจริญงอกงาม การไปบำเพ็ญบุญ สั่งสมบารมี ถ้าจะให้มีพลังและบารมีจักเจริญงอกงามบริบูรณ์ได้อย่างเต็มที่ ก็ต้องไปยังแผ่นดินอินเดีย แดนชมพูทวีป อันเป็นดินแดนต้นกำเนิดแห่งพระพุทธศาสนานั่นเอง ผู้ศรัทธาที่มีสิทธิเลือก มีโอกาส จึงเลือกที่จะไปไหว้พระแสวงบุญ ณ ที่กำเนิดพระพุทธศาสนา หรือสถานที่จริงให้ได้สักครั้งในชีวิต
2.พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ในอดีตระหว่างบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ก็ได้อาศัยการบำเพ็ญบารมีในแผ่นดินชมพูทวีปแห่งนี้ การเดินทางไปที่อินเดียจึงเท่ากับว่าเป็นการได้เดินตามรอยพระพุทธเจ้าตามรอยพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย จะได้มีโอกาสสัมผัสถึงบรรยากาศการบำเพ็ญบารมีตามแบบอย่างพระบรมโพธิสัตว์ที่ท่าน ด้วยตนเอง
3.พระสงฆ์สาวกแสดงธรรมกถาให้ชาวพุทธ ได้ฟังพระเทศน์ก็ดี ได้สวดมนต์ก็ดี ได้บรรยายก็ดี เรื่องพระพุทธศาสนา เรื่องพระพุทธประวัติ ล้วนแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับแแผ่นดินอินเดียทั้งสิ้น น่าเสียดายยิ่งนักหากผู้ที่บรรยายเรื่องพระพุทธประวัติ เรื่องพระพุทธเจ้า เรื่องธรรมบท ยังไม่เคยพบไม่เคยได้เห็นแดนดินถิ่นกำเนิดแห่งพระพุทธศาสนา ได้เพียงแค่การสร้างภาพและจินตนาการ ตามคัมภีร์และตำราที่ศึกษาเรียนรู้มาเท่านั้น ซึ่งความเป็นจริงแล้วต่างกันโดยสิ้นเชิง
การไปไหว้พระที่ประเทศอินเดียได้ประสบการณ์ 4 อย่างดังนี้
1.มาถึงที่ คือได้เห็นกับตาตนเอง เป็นพุทธสถานที่จริงๆ เช่นต้นพระศรีมหาโพธิ์ เป็นต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้จริงๆ พระแท่นวัชรอาสน์ คือที่พระพุทธองค์ประทับนั่งบำเพ็ญธรรม จนได้บรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ เป็นต้นในขณะเดียวกัน ในเมืองไทยแม้จะมีพุทธสถานก็ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่สร้างและจำลองขึ้นมาทั้งสิ้น
2.มาถึงหู คือได้มาฟังเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงในอดีต ณ สถานที่นั้นๆ ดุจได้ย้อนเวลากลับไปในห้วงเวลาแห่งอดีตครั้งพุทธสมัย ทบทวนความรู้ จากที่ได้เคยได้ยินได้สดับตรับฟังมา ณ สถานที่จริงๆ เหมือนราวกับว่าเราได้ย้อนกลับเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริงด้วยตนเอง
3.มาถึงตาได้มากราบมาไหว้สัมผัสเห็นด้วยตนเอง ซึ่งเหมือนกับดูจากภาพ ผ่านสื่ออื่นๆ ซึ่งสามารถสัมผัส เข้าถึง มองเห็นรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ ด้วยความลึกซึ้งจริง ๆ
4.มาถึงใจ ได้สัมผัสความรู้สึกที่เกิดจากภายในจิตของตนเอง ความรู้สึกภายในที่มิอาจอธิบายออกมาเป็นคำพูด ด้วยประโยคใด ๆ ได้ บางท่านเกิดความเอิบอิ่มใจ เกิดปีติ น้ำตาไหลโดยไม่ทราบสาเหตุ ความรู้สึกเหล่านี้เป็นความรู้สึกอันเกิดจากภายใน ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อได้มาสัมผัสด้วยใจตนเอง ณ สถานที่จริงๆ เช่นนี้ เท่านั้น
ที่สำคัญที่สุดนั้น ให้พิจารณาในเนื้อหาสาระในมหาปรินิพพานสูตร อันเป็นพระสูตรที่กล่าวถึงเหตุการณ์ก่อนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน พระพุทธองค์ได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า
“ดูก่อนอานนท์ ชนเหล่าใดเที่ยวจาริกไปยังสังเวชนียสถาน ๔ สถาน คือสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และเสด็จดับขันธปรินิพพาน เหล่านี้แล้ว หากมีจิตเลื่อมใส ชนเหล่านั้นทั้งหมด เบื้องหน้าแต่กายเพราะกายแตก จักเข้าถึงสุคติคือโลกสวรรค์”
นี้เป็นพระพุทธดำรัสตรัสสั่งถึงพุทธสถานให้พุทธศาสนิกชนผู้ระลึกถึงพระองค์ในภายหลังการเสด็จปรินิพพาน ได้เดินทางมากราบสักการะพุทธสถานเหล่านี้ หากมาด้วยจิตเลื่อมใสศรัทธาแล้ว ย่อมมีสุคติ คือ โลกสวรรค์เป็นโลกเบื้องหน้า เท่ากับว่าท่านที่เดินทางมาไหว้พระที่อินเดีย ได้สร้างหลักประกันให้กับตนคือ การประกันด้วยโลกสวรรค์เป็นภพเบื้องหน้าไว้ในจิตใจตนเองนั่นเอง
ดังนั้นผู้ที่มีโอกาส มีเวลาจึงไม่ควรรีรอที่จะไปไหว้พระ แสวงบุญ ณ ประเทศอินเดีย
เหตุที่นำพาไปในดินแดนพุทธภูมิ
๑.มีศรัทธา ความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา สั่งสมบุญสร้างบารมี มีศรัทธามั่นคงต่อพระรัตนตรัย อย่างต่อเนื่อง จนระดับจิต ระดับศรัทธาหนุนนำให้อยากไปไหว้พระ ถึงที่อินเดีย
๒. มีทรัพย์ เป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สำหรับการเดินทางพอสมควร
๓.มีเวลา คือสามารถจัดระเบียบชีวิตให้กับตนเอง จัดสรรเวลา วางธุรกิจเรื่องชีวิตงานหน้าที่แบ่งให้ศาสนกิจด้านจิตใจ เพื่อได้ไปไหว้พระที่อินเดีย
๔. มีสุขภาพดี คือความพร้อมทางด้านร่างกาย ที่แข็งแรงสมบูรณ์ดี ไม่มีโรคาพาธ
๕. มีผู้นำ ที่ให้คำแนะนำ และจัดโปรแกรมการเดินทาง เป็นภาระในการเดินทางเพื่อการเดินทางจักสะดวกไร้ป้ญหาและอุปสรรคใด ๆ
Cr: บทความโดย: ดร.พระมหาคมสรณ์ คุตฺตธมฺโม (ท่านคมสรัญญ์