บันดิปูร์ เนปาล

บันดิปิูร ์เสน่ห์หมู่บ้านแห่งขุนเขาหิมาลัย

"บันดิปูร์" (Bandipur) หมู่บ้านท่องเที่ยวเล็กๆ แต่มากไปด้วยเสน่ห์ของประเพณี วัฒนธรรม และวิถีความเป็นอยู่ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาสูงชัน ในเขตอำเภอตะนะหุ (Tanahu District) ของเขตคันดากิ (Gandaki Zone) 1 ใน 14 เขตการปกครองของเนปาล

เนปาล (Nepal) อีกหนึ่งดินแดนแห่งการท่องเที่ยวที่มากไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติ ขุนเขา และวิถีชีวิตที่นาหลงใหล เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่บนที่สูงทางทิศใต้ของเทือกเขาหิมาลัย มีอาณาเขตติดกับแคว้นทิเบตของประเทศจีนทางตอนเหนือและทิศใต้ติดกับอินเดีย โดยมี กรุงกาฐมาณฑุ (Kathmandu) เป็นเมืองหลวงของประเทศ

หมู่บ้านบันดิปูร์ ตั้งอยู่บนระดับความสูง 1,030 เมตร โดยอยู่ห่างจากกกรุงกาฐมาณฑุ ไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 143 กิโลเมตร โดยบริเวณรอบๆหมู่บ้านนั้นโดดเด่นไปด้วยทัศนียภาพที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาและม่านหมอก รวมไปถึงทิวทัศน์ที่สวยงามของเทือกเขาหิมาลัยที่สามารถมารถมองเห็จากตัวหมู่บ้านได้อย่างชัดเจน

สำหรับการท่องเที่ยวในหมู่บ้านบันดิปูร์นั้น กิจกรรมท่องเที่ยวแรก ที่อยากแนะนำให้ทำ คือ การไปสำรวจหมู่บ้านโดยเริ่มต้นที่ถนนสายหลักที่สองข้างทางเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนสูง 2-3 ชั้น ที่ตั้งเรียงรายไปตลอดสองข้างทาง ซึ่งเป็นหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ว่า ครั้งหนึ่งหมู่บ้านเล็กแห่งนี้ ได้เคยเป็นเมืองการค้าโบราณที่เจริญรุ่งเรืองมาก่อน

หลังจากนั้นแนะนำให้คุณไปเยือน "วัดขัทคา เทวี" (Khadga Devi Temple) อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ ที่ภายในวัดมีดาบศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้คนที่ศรัทธามานมัสการกันอย่างมากมาย ในช่วงเดือนตุลาคม วัดแห่งนี้จะมีการจัดเทศกาลทัศอิน (Dashain Festival) ซึ่งเป็นเทศกาลทางศาสนาฮินดูที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในทุกๆปี

****Altitude Sickness อาการและการป้องกัน***

บทความนี้จะขอกล่าวในรายละเอียดของภาวะ Altitude sickness สักเล็กน้อยเพื่อความเข้าใจในในการป้องกัน และการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการของโรคขึ้น ถ้าใครยังไม่ได้อ่านบทความก่อน

อาการของ High Altitude Sickness

เป็นการกล่าวถึงกลุ่มโรคที่เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวได้ในภาวะที่มีออกซิเจนน้อย ซึ่งประกอบด้วย 3 โรคหลักๆ ซึ่งมีความสัมพันธ์และมีความต่อเนื่องกันอยู่ในบางส่วน คือ

Acute Mountain Sickness (AMS) ยังไม่มีชื่อภาษาไทยครับ เป็นโรคที่มีความรุนแรงไม่มาก เกิดเมื่อมีการเดินทางขึ้นไปที่สูง โดยทั่วไปต้องมากกว่า 2500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โดยนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งจะมีอาการปวดศีรษะ มึนศีรษะ ซึ่งเป็นอาการเด่นของภาวะนี้ อาการอื่นๆที่พบได้บ่อยคือ นอนไม่หลับ เหนื่อย หายใจเร็ว โดยอาการต่างๆเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นหลังจากขึ้นไปที่สูงประมาณ 4-10 ชั่วโมง ที่พบบ่อยคือเกิดขึ้นในคืนแรกที่ขึ้นไปที่สูง โดยทั่วไปอาการจะไม่รุนแรงมาก และร่างกายจะค่อยๆปรับตัวได้เองภายใน 1-2 วัน

High Altitude Cerebral Edema (HACE) หรือภาวะสมองบวมจากการอยู่ในพื้นที่สูง เป็นภาวะที่เกิดต่อเนื่องจากภาวะ AMS โดยผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน เดินเซ เห็นภาพซ้อน ถ้ามีอาการรุนแรงมากจะมีชัก หมดสติ จนถึงเสียชีวิตได้ ดังนั้นถ้ามีอาการดังกล่าวต้องรีบพบแพทย์ และเดินทางลงสู่ในพื้นที่ต่ำกว่าทันที

High Altitude Pulmonary Edema (HAPE) คือภาวะปอดบวมน้ำจากการอยู่ในพื้นที่สูง เป็นภาวะที่รุนแรงซึ่งอาจเกิดขึ้นเดี่ยวๆ หรือเกิดขึ้นร่วมกับภาวะ HACE ก็ได้ ผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยหอบ หายใจลำบาก อยู่เฉยๆ ก็เหนื่อย ภาวะนี้ทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้นถ้าเกิดภาวะดังกล่าวขึ้น ต้องรีบพบแพทย์และเดินทางลงสู่พื้นที่ต่ำกว่าทันที

หลักการทั่วไปในการป้องกันภาวะ Altitude Sickness

1. ต้องศึกษาข้อมูลถึงสถานที่ที่จะไปก่อนการเดินทางครับว่า สถานที่ที่จะไปอยู่ในพื้นที่สูงมากหรือไม่ เช่น ถ้าจะไปเที่ยวทิเบต ภูฏาน เนปาล เปรู โบลิเวีย ประเทศเหล่านี้มักมีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ในพื้นที่สูงอยู่มาก ควรหาข้อมูลถึงระดับความสูง และดูแผนการเดินทางของเราเสมอ ว่าจะต้องผ่านในพื้นที่สูงมากหรือไม่ เช่น

  • ถ้าจะไปเที่ยวเนปาล ไปแค่เมืองหลวงกาฐมัณฑุ (1400 m) โปขระ (827 m) นาการ์ก็อต (2195 m) มักจะไม่มีปัญหาใดๆ เพราะอยู่ไม่อยู่มาก แต่ถ้าจะไป trekking ที่ Annapura circuit ที่ Poon Hill (3210m) หรือผ่าน Thorung La (5400m) ต้องเตรียมตัวอย่างดีครับ

  • การไปเที่ยวขึ้นยอดเขาในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เช่น Pilatus (2132m) Titlis (3028m) หรือ Jungfrau (3571 m) มักจะไม่มีปัญหา high altitude sickness เนื่องจากเราจะนั่ง cable หรือรถไฟขึ้นไป และอยู่บนยอดเขาไม่นาน และลงมาสู่ที่ต่ำกว่าเวลาไม่กี่ชม. ร่างกายมักจะทนได้

  • ถ้าจะไปเที่ยวเปรู ไปมาชุปิชู (Machu Picchu) อย่างไรก็ต้องไปเมือง Cusco (3399 m) ซึ่งมักจะนั่งเครื่องบินไปจากเมืองลิมา (ระดับน้ำทะเล) นักท่องเที่ยวมักจะมีอาการ altitude sickness ในช่วง 1-2 วันแรกที่ Cusco เพราะร่างกายยังปรับตัวไม่ทัน แต่พอพ้นช่วงแรกแล้ว และไปเที่ยว มาชูปิชู (2430 m) มักจะไม่มีปัญหาใดๆ เพราะอยู่ที่ระดับความสูงต่ำกว่า Cusco อีก

  • ถ้าจะไปประเทศจีน บางเมืองจะอยู่ในที่สูง ต้องศึกษาก่อนเสมอ เช่นไป ลี่เจียง (2400 m) ภูเขามังหยก (3356 m) ทิเบต (3490m) ควรต้องเตรียมตัว

  • ถ้าจะไปเที่ยวเลห์ ลาดักห์ บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตอินเดียตอนเหนือ เป็นพื้นที่สูง ตัวเมืองเลห์เองอยู่สูงประมาณ 3500 m เหนือระดับน้ำทะเล นอกจากนี้นักท่องเที่ยวมักจะไปเที่ยวที่ต่างๆด้วย ไม่ว่าจะเป็น Pungong lake (4350m) และต้องเดินทางผ่านช่องเขา Changla Pass (5360m) ควรจะต้องเตรียมตัวก่อนไปเที่ยวเสมอ

2. ร่างกายต้องการเวลาปรับตัว (Acclimatization)ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ควรเลือกแผนการเดินทางที่ไม่ขึ้นสู่ที่สูงเร็วเกินไป ควรพักที่เมืองที่อยู่ต่ำกว่า 1-2 วันเพื่อปรับตัว

3. ถ้าจำเป็นต้องเดินทางขึ้นสู่ที่สูงอย่างรวดเร็ว เช่น นั่งเครื่องบินจากลิมาไปคุซโก (3399 m) นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่ง (ประมาณ 20-25%) มักจะมีอาการ ดังนั้นในช่วงแรกๆที่ขึ้นไปที่สูง ควรงดการออกกำลัง เดิน หรือวิ่ง ควรพักผ่อนมากๆ ดื่มน้ำบ่อยๆ และสังเกตอาการของตัวเองว่ามีความผิดปกติใดๆหรือไม่ ถ้ามีอาการของ AMS เพียงเล็กน้อย เช่นปวดศีรษะ คลื่นไส้ นอนไม่หลับ ร่างกายค่อยๆปรับตัวได้ และอาการจะหายไปเองใน 1-2 วันแต่ถ้ามีอาการรุนแรงมากขึ้น ควรพบแพทย์ และเดินทางสู่ที่ต่ำกว่าทันที

4. การใช้ยาเพื่อป้องกัน altitude sickness เช่น Acetazolamide (diamox) ในนักท่องเที่ยวบางรายมีความจำเป็น เพราะยาจะช่วยป้องกันและลดบรรเทาอาการได้ แต่การใช้ยาควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เพราะแพทย์ต้องพิจารณาแผนการเดินทาง ข้อบ่งชี้ ข้อห้ามในการใช้ยา และแนะนำการใช้ยาที่ถูกต้อง

5. ในนักท่องเที่ยวที่ปีนเขา หรือ Trekking ในที่สูง ต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดเสมอ และปฏิบัติตามคำแนะนำในพื้นที่อย่างเคร่งครัด ไม่ควรรีบเดินหรือทำเวลาก่อนเวลาที่แนะนำไว้โดยทั่วไป เช่นถ้าจะปีนยอดเขาคีรีมันจาโร (5895m) ควรมีการเตรียมทีม เตรียมอุปกรณ์ เวชภัณฑ์ต่างๆที่จำเป็น และควรเดินทางตามที่กำหนดไว้ ไม่ควรจะรีบปีนโดยใช้เวลาน้อยกว่า 5 วัน เพราะมีความเสี่ยงสูงมากที่จะปีนไปไม่ถึง และเกิดการไม่สบายกลางทาง

6. ถ้ามีอาการแพ้ความสูงเกิดขึ้น ควรระมัดระวัง และสังเกตุอาการตนเองและเพื่อนร่วมทางเสมอ ถ้ามีอาการไม่มาก เช่น ปวดศีรษะ มึนศีรษะ อ่อนเพลีย ควรพัก ถ้าเป็นแค่ Acute mountain sickness ร่างกายจะค่อยๆปรับตัวได้เอง แต่ถ้ามีอาการรุนแรง เช่น เหนื่อยมาก ไอ สับสน ปวดศีรษะ มึนงงมาก ต้องรีบลงสู่พื้นที่ที่ต่ำกว่า และหาสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที

***************************************************

thepudomdham brand logo
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า Trustmarkthai
© 2025 เทพอุดมธรรม ทราเวล
TAT LICENSE