โปรแกรมการเดินทางทัวร์ ปากีสถาน – คาราโครัมไฮเวย์ ประจำปี พ.ศ. 2566
บินภายในประเทศ 1 ไฟลต์ และ เดินทางกลุ่มเล็กไม่เกิน 20 ท่าน
xx กรกฎาคม - xx สิงหาคม พ.ศ. 25xx
แผนการเดินทางทริปทัวร์ปากีสถาน
ออกเดินทางจากกรุงเทพวันที่ xx กรกฎาคม กลับมาถึงไทย วันที่ xx สิงหาคม
xx กรกฎาคม พ.ศ. 25xx วันที่ 1 : กรุงเทพ – อิสลามาบัด (Islamabad) ปากีสถาน
16.00 น. ทุกท่านพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นผู้โดยสารขาออกต่างประเทศ ชั้น 4 ทางออกที่ 4 เคาน์เตอร์สายการบินไทย พบกับทีมงานที่จะคอยดูแลและอำนวยความสะดวก
19.00 น. ออกเดินทางไปยัง เมืองอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน ด้วยสายการบินไทย TG 349 ใช้เวลาในการเดินทาง 5 ชั่วโมง 10 นาที
23.00 น. เดินทางถึง สนามบินอิสลามาบัด (Islamabad International Airport) ประเทศปากีสถาน จากนั้นเดินทางเข้าสู่เมือง อิสลามาบัด (Islamabad) ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร
ตามเวลาคาดการณ์ ท่านจะเดินทางถึงโรงแรมที่พักในช่วงเวลาประมาณ 01.00 – 02.00 น. ซึ่งในวันแรกจะถือว่ามีเวลาพักผ่อนค่อนข้างน้อย
ที่พัก โรงแรม Legend Hotel Islamabad หรือเทียบเท่า*
xx สิงหาคม พ.ศ. 25xx วันที่ 2 : อิสลามาบัด (Islamabad) – สการ์ดู (Skardu)
เช้ามืด รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม แบบกล่อง (ขึ้นอยู่กับไฟลต์ว่าเป็นเวลาใด)
05.00 – 06.00 น. ออกเดินทางกลับไปที่ สนามบินอิสลามาบัด (Islamabad International Airport) เพื่อเดินทางสู่เมือง สการ์ดู (Skardu) ไฟลต์บินจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงผ่านวิวทิวทัศน์ที่งดงาม (ไฟลต์บินยังไม่ระบุเวลา โดยจะเลือกไฟลต์ที่เหมาะสมที่สุดแก่การเดินทาง ปกติมักจะเป็นไฟลต์เช้า)
สาย – เที่ยง เดินทางถึงเมือง สการ์ดู (Skardu) เขตปกครองตนเอง กิลกิต-บัลติสถาน (Gilgit-Baltistan) ดินแดนแห่งเทือกเขาคาราโครัมที่ยิ่งใหญ่
รับประทานอาหารเที่ยง ร้านอาหารท้องถิ่น
จากนั้นเดินทางสู่หมู่บ้านชิการ์ เที่ยวชมสถานที่น่าสนใจภายในหมู่บ้าน
Katpana Desert (Cold desert) ทะเลทรายเย็น หรือที่รู้จักในชื่อ ทะเลทรายคัทปานา เป็นทะเลทรายบนระดับความสูงที่ตั้งอยู่ในกิลกิต-บัลติสถาน ประเทศปากีสถาน ทะเลทรายมีเนินทรายขนาดใหญ่ที่บางครั้งถูกปกคลุมไปด้วยหิมะในช่วงฤดูหนาว ทะเลทรายเย็นตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2,226 เมตร (7,303 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล เป็นหนึ่งในทะเลทรายที่สูงที่สุดในโลก
Shigar Valley ประตูสู่ยอดเขาที่ยิ่งใหญ่ของ Karakorams, Gasherbrum และ K2 อยู่ห่างจาก Skardu ระยะทาง 23 กม. เนินลาดชลประทานที่อ่อนโยนของหุบเขาชิการ์นั้นเต็มไปด้วยทุ่งข้าวสาลี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และข้าวบาร์เลย์ สวนผลไม้ที่มีทั้งแอปริคอต มัลเบอร์รี่ ลูกพีช ลูกพลัม ลูกแพร์ แอปเปิ้ล และถั่วต่างๆ ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะในบัลติสถาน ชมมัสยิดไม้กลางเมืองสร้างโดยช่างไม้ชาวแคชเมียร์เมื่อหลายร้อยปีก่อน
ที่พัก Serena Shigar Fort
เย็น รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
xxสิงหาคม พ.ศ. 25xx วันที่ 3 : สการ์ดู (Skardu)
รับประทานอาหารเช้า ภายในโรงแรม
ชมสถานที่น่าสนใจภายในโรงแรมที่เป็นเสมือนหนึ่ง Living museum จากนั้นเดินทางกลับเมืองสการ์ดู ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตร
ท่องเที่ยวภายในเขตเมืองสการ์ดู
ทะเลสาบแชงกรีลา (Shangrila) ห่างจากสการ์ดูประมาณ 32 กม.และนั่งรถจี๊ป 1 ชั่วโมง ทะเลสาบแชงกรีลาลึกอันเงียบสงบที่ส่องประกายระยิบระยับ เรียกอีกอย่างว่า ทะเลสาบคาชูรา (Kachura lake) ซึ่งเต็มไปด้วยปลาเทราต์สีน้ำตาล ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้ที่แปลกใหม่และหลากสีสันจะประดับประดาริมฝั่ง ในขณะที่ต้นพีช แอปริคอท และต้นแอปเปิลจะบานสะพรั่งในเดือนเมษายน ต่อมาในฤดูร้อนจะได้ชิมแอปเปิลซึ่งมีรสชาติอร่อยหลากหลาย
กิจกรรม ล่องเรือในทะเลสาบ
ช่วงบ่าย – เย็น เดินขึ้น ป้อม Kharpocho ป้อมปราการโบราณที่เรียกว่า King of Forts ตั้งอยู่บนเนินเขาที่มองเห็นเมือง สร้างขึ้นโดยอาลี เชอร์ ข่าน อันชัน ผู้ปกครองบัลติสถานจนถึงปลายศตวรรษที่ 16 แม่น้ำสินธุอันยิ่งใหญ่ที่เลื้อยคลานอยู่ใต้เท้าของคุณเพียงไม่กี่เมตรท่ามกลางหาดทรายสีขาวสีเงินเป็นภาพที่น่าประทับใจ
ที่พัก โรงแรม Serena Shigar Fort หรือเทียบเท่า
xxสิงหาคม พ.ศ. 25xx วันที่ 4 : สการ์ดู (Skardu) – ฮุนซาวัลเลย์ (Hunza valley) – คาริมาบัด (Karimabad) ระยะทางนั่งรถ 286 กิโลเมตร
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ หุบเขาฮุนซา (Hunza Valley) ระยะทางประมาณ 286 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
เที่ยง รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารท้องถิ่น ที่เมืองกิลกิต
บ่าย เข้าเขตหุบเขาฮุนซา แวะ จุดชมวิวราคาโพชิ (Rakaposhi View Point) ที่มีความสูง 7,790 เมตร
เดินทางถึง เมืองคาริมาบัด (Karimabad) เมืองหลวงของ หุบเขาฮุนซา (Hunza Valley) ที่อยู่ในระดับความสูง 2,438 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล หรือที่รู้จักในอีกชื่อว่า เมืองบัลติท (Baltit) ซึ่งเคยเป็นรัฐอิสระที่มีอำนาจปกครองตนเองเป็นเวลานานหลายร้อยปี ซึ่งชาวบ้านในเมืองส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามนิกายอิสมาอิล
ชม ป้อมบัลติท (Baltit Fort) ที่มีความเก่าแก่กว่า 750 ปี สร้างโดยเจ้าหญิงและบัลติสถาน (Baltistan) ภายหลังการอภิเษกสมรสกับเจ้าชาย ณ เมืองแห่งนี้ ซึ่งทำให้ป้อมปราการแห่งนี้เป็นอดีตพระราชวังหลวงที่มีการผสมผสานสถาปัตยกรรมหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นแคชเมียร์หรือทิเบตและได้รับการต่อเติมขยายส่วนต่างๆมากมายจนกระทั่งในสมัยของที่อังกฤษได้เข้ามาปกครอง ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของ Aga Khan Foundation ทำให้เกิดการฟื้นคืนชีวิตให้ป้อมปราการแห่งนี้หลังจากถูกทิ้งร้างไว้เป็นเวลานาน
ชม ป้อมอัลติท (Altit Fort) ซึ่งเป็นป้อมปราการที่อายุนานที่สุดในหุบเขาฮุนซา ป้อมอัลติทตั้งอยู่บนหน้าผ่านริมแม่น้ำฮุนซามีความสวยงามเป็นอย่างมาก เราจะเห็นยอดเขาสูงจำนวนมากที่อยู่บริเวณนี้
หลังจากนั้นชมวิถีชีวิตของชาวปากีสถานกันที่ Hunza Traditional Bazar เป็นตลาดพื้นเมืองที่มีของที่ระลึกให้ท่านเลือกสรรมากมาย
เดินทางไปชม ทะเลสาบอัตตาบัด (Attabad Lake) เป็นทะเลสาบที่เกิดจากดินถล่มเพราะแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ. 2010 (Attabad Disaster) ลงมากั้นแม่น้ำฮุนซ่า จนกลายเป็นทะเลสาบสีเทอควอยส์แบบนี้ซึ่งทะเลสาบนี้มีความยาว 21 กิโลเมตร และความลึก 100 เมตร รอบๆทะเลสาบบางส่วนจะเห็นดินที่ถล่มลงมาจนกลายเป็นเขื่อนกั้นทะเลสาบ ทะเลสาบแห่งนี้เป็นจุดศูนย์รวมกิจกรรมทางน้ำจำนวนมากเช่น ขี่เจ็ตสกี หรือว่าจะเป็นการล่องเรือชมความสวยงามของทะเลสาบ
เย็น รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก โรงแรม Famree resort หรือเทียบเท่า*
xx สิงหาคม พ.ศ. 25xx วันที่ 5 : หุบเขาพาสสุ (Passu Valley) – เมืองกิลกิต (Gilgit) ระยะทางนั่งรถ 180 กิโลเมตร
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม สะพานแขวนฮุซซานี (Hussaini Suspension bridge) ซึ่งมีฉากหลังเป็นภาพของ หุบเขาพาสสุ (Passu Valley) ที่มีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง เดินทางต่อสู่ ธารน้ำแข็งพาสสุ (Passu Glacier)
เดินทางสู่ หุบเขาพาสสุ (Passu Valley) ท่านจะได้พบกับ Passu Cathedral หรือเทือกเขาพาสสุอันยิ่งใหญ่ตระการตา รับรองว่าภาพนี้จะถูกจดจำไปอีกนาน (ระยะทาง 30 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 40 นาที)
เที่ยง รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
หลังจากนั้นเดินทางกลับเมือง กิลกิต (Gilgit) (ระยะทาง 150 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง)
เดินทางถึงเมือง กิลกิต (Gilgit) ศูนย์กลางของการปกครองเขต กิลกิต-บัลติสถาน (Gilgit-Baltistan) ดินแดนแห่งเทือกเขาคาราโครัมที่ยิ่งใหญ่
เย็น รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก โรงแรม Gilgit Serena
xx สิงหาคม พ.ศ. 25xx วันที่ 6 : กิลกิต (Gilgit) – แฟรี่มีโดวส์ (Fairy Meadow) ระยะทางนั่งรถ 90 กิโลเมตร
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
สาย เดินทางสู่ แฟรี่มีโดวส์ (Fairy Meadow) “ทุ่งหญ้าแห่งเทพนิยาย” เนื่องจากในภาษาเยอรมันเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “Merchenwiese” ซึ่งถูกตั้งชื่อด้วยนักปีนเขาชาวเยอรมัน แฟรี่มีโดวส์ (Fairy Meadow) ติดอันดับสถานที่สวยที่สุดของโลกเป็นอันดับที่ 3 ทุ่งหญ้าแห่งนี้อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,300 เมตร ทุ่งหญ้าสีเขียวขจีแห่งนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยป่าด้านข้าง มีธารน้ำแข็ง Raikot มองเลยจากป่าไปจะเห็น ยอดเขานังกาพาร์บัต (Nanga Parbat) ยอดเขาสูงอันดับ 9 ของโลก
“ยอดเขานังกาพาร์บัต (Nanga Parbat) มีความสูง 8,126 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ชื่อมีความหมายว่า “ยอดเขาเปลือย” แต่คนกลับรู้จักกันในนาม “ยอดเขาเพชรฆาต”
การเดินทางสู่ แฟรี่มีโดวส์ (Fairy Meadow) เป็นลักษณะดังนี้
ใช้พาหนะหลักเดินทางจากสนามบินมาถึง Raikot bridge (ระยะทาง 90 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง)
หลังจากนั้นนั่งรถ Jeep ที่สะพาน Raikot bridge ข้ามแม่น้ำสินธุ วิ่งเข้าสู่หมู่บ้าน Tatto valley (ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง)
หลังจากนั้นเป็นการ Trek ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ใช้เวลา 3.5 – 4 ชั่วโมง (Elevation Gain 700 m. / Altitude 3,300 m) หรือหากท่านไม่อยากเดินก็สามารถเลือกขี่ม้าลัดเลาะตามสันเขา มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมท่านละประมาณ 3000 – 3500 รูปี ทางเดินเรื่อยๆ ไม่ชันมาก คนอายุเยอะสามารถเดินได้ จะมีบางจุดที่ทางแคบหน่อย แต่ไม่อันตราย จนถึงที่พัก Raikot Sarai Hotel
เที่ยง รับประทานอาหารระหว่างทาง
บ่าย เดินทางถึง Fairy Meadow นำสัมภาระเก็บเข้าที่พักให้เรียบร้อย พาท่านนำไปชมวิวโดยรอบๆ แฟรี่มีโดวส์ (Fairy Meadow) วิวทุ่งหญ้า พร้อมชมยอดเขา Nanga Parbat ที่รายล้อมด้วยป่าสน
ที่พัก
หรือเทียบเท่า
เย็น รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
xx สิงหาคม พ.ศ. 25xx วันที่ 7 : แฟรี่มีโดว์ (Fairy Meadow)
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทาง Trekking สู่ Beyal Camp ระหว่างทางชมดอกไม้ป่าและลำธารที่สวยงาม ชมวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวบ้าน ในบรรยากาศที่คล้ายกับหมู่บ้านเล็กๆในทวีปยุโรป ท่านจะได้เห็นยอดนังการ์พาร์บัตและธารน้ำแข็ง Raikot อย่างใกล้ชิด
ระยะทาง 4.2 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 1.5 – 2 ชั่วโมง ทางเรียบเป็นส่วนใหญ่ ชันเล็กน้อยบางระยะ
เที่ยง รับประทานอาหารระหว่างทาง
ส่วนเสริม สำหรับท่านที่สภาพร่างกายพร้อม ท่านอาจจะเดินทางต่อสู่ Nanga Parbat Base camp ซึ่งจะมีระยะทางไปกลับประมาณ 16 กิโลเมตร หรืออาจจะแวะประมาณครึ่งทางที่ Nanga Parbat Viewpointหลังจากนั้นเดินทางกลับที่พักโดยใช้เส้นทางเดิม
ที่พัก Raikot Sarai Hotel
เย็น รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
xx สิงหาคม พ.ศ. 25xx วันที่ 8 : แฟรี่มีโดว์ (Fairy Meadow) – นารัน (Naran) ระยะทางนั่งรถ 170 กิโลเมตร
เช้า รับประทานอาหารภายในที่พัก
สายๆ นำท่านลงจาก แฟรี่มีโดว์ (Fairy Meadow) ด้วยการเดินแล้วต่อด้วยรถจี๊ปโบกมืออำลา “ทุ่งหญ้าแห่งเทพนิยาย” โดยเราจะเดินทางไปยัง เมืองนารัน (Naran) ระยะทางประมาณ 170 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง
เดินผ่านทาง ช่องเขาบาบูร์ซา (Babusar Pass) ที่ระดับความสูง 4,173 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากข้อเท็จจริงที่ว่าจักรพรรดิโมกุล Babur Babur เคยผ่านบริเวณนี้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 16 อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้มักเรียกกันว่า Babusar Top
พัก รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
แวะจุดชมวิว Lulusar Lake Viewpoint
บ่าย เดินทางถึง เมืองนารัน (Naran) เป็นเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในหุบเขาคากันตอนบนในเขตมานเซห์ราของจังหวัดไคเบอร์ เมืองนารันตั้งที่ระดับความสูง 2,409 เมตร (7,904 ฟุต) อยู่ห่างจาก Babusar Pass ประมาณ 65 กิโลเมตร นารันแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เย็น รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก โรงแรม Millennium Inn Hotel หรือเทียบเท่า*
xx สิงหาคม พ.ศ. 25xx วันที่ 9 : นารัน (Narna) – ตักศิลา (Taxilla) – อิสลามาบัด (Islamabad) ระยะทางรวมประมาณ 300 กิโลเมตร
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
วันนี้เราจะออกเดินทางในช่วง 07.00 – 08.00 น. เนื่องจากเป็นการเดินทางระยะทาง 250 กิโลเมตรใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง สู่เมืองตักศิลา
รับประทานอาหารเที่ยง ระหว่างทาง
บ่าย เดินทางถึงเมือง เมืองโบราณตักศิลา (Taxila) เป็นเมืองที่ได้รับมรดกโลก อายุกว่า 3,000 ปี ชมพิพิธภัณฑ์เมืองตักศิลายูเนสโกได้ให้ความสำคัญและยกย่องเป็นมรดกโลกทางประวัติศาสตร์ ตักศิลาเป็นเมืองโบราณที่เจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่ในช่วงต้นของพุทธศาสนามาจนถึงรัชสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชที่ได้วางรากฐานการพัฒนาเมืองและทำรุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างแข็งขันจนเมืองตักศิลาเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยสถาปัตยกรรมและประติมากรรมเก่าแก่ของพุทธศิลป์ในสมัยคันธาระ จนกระทั่งเข้าสู่ยุคของการล่มสลายในช่วงเวลาถัดมา
จากนั้นเดินทางสู่เมืองหลวงอิสลามาบัด ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ชม มัสยิดไฟซาล (Faisal Mosque) มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียใต้และใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก ถูกสร้างโดยกษัตริย์ Faisal bin Abdul-Aziz แห่งซาอุดิอาระเบีย และออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี Vedat Dalokay ผู้ซึ่งได้รับรางวัลสถาปัตยกรรม Agha Khan Award ซึ่งลักษณะของมัสยิดแห่งนี้ถูกออกแบบให้คล้ายกับเต็นท์ของชาว Bedouin ในทะเลทราย มัสยิดแห่งมีนี้ขนาดใหญ่โดยสามารถบรรจุผู้เข้าร่วมภายในโดมได้ถึง 10,000 คน โดยมีฉากหลังของมัสยิดเป็น Margalla Hills มัสยิดแห่งนี้มีความสวยงามอย่างมากโดยเฉพาะช่วงเวลาเย็น
เย็น รับประทานอาหาน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
19.30 น. นำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติอิสลามาบัด (Islamabad International Airport) เพื่อเดินทางกลับสู่กรุงเทพ
23.20 น. เดินทางสู่กรุงเทพด้วย สายการบินไทย TG 350
xx สิงหาคม พ.ศ. 25xx วันที่ 10 : กรุงเทพ
06.25 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิอย่างสวัสดิภาพ
Included
บัตรโดยสารสายการบินไทย รวมค่าภาษีและธรรมเนียมน้ำมันชั้นประหยัด ในทุกเส้นทางที่ระบุไว้
ค่าวีซ่าประเทศปากีสถาน
ค่าห้องพักตามโรงแรมที่ระบุไว้หรือเทียบเท่า ในห้องพักชนิด Double/Twin room
ค่าพาหนะเดินทางเป็น Toyota Coaster ขนาด 25 ที่นั่ง
ค่าอาหารทุกมื้อตามที่ระบุไว้ในโปรแกรม
ค่าผ่านเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามที่ระบุไว้ในโปรแกรม
ประกันการเดินทางของบริษัท AWP Services แผนประกัน Oasis Leisure
ค่าทีมงานท้องถิ่น
ค่าทีมงานไทยดูแลตลอดการเดินทาง
Not Included
ค่าเครื่องดื่มส่วนตัว
ค่าของใช้ส่วนตัว
ค่าทิปไกด์คนไทย
ค่าลูกหาบ
ค่าขี่ม้า