ศรีลังกา 5 คืน 7 วัน พักโรงแรม 3-4 ดาว

เที่ยวศรีลังกา บูชาพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว อันศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธ ชิมชาซีลอนหอมกรุ่น

ต้องมนตร์เสน่ห์ ศรีลังกา สัมผัสดินแดนแห่งวิถีชาวพุทธ ธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ ตะลุยแหล่งมรดกโลกที่ Lonely Planet ยกให้เป็นประเทศที่น่าเที่ยวที่สุด 2019 ซึ่งครั้งหนึ่งในชีวิต ต้องเดินทางไปสักครั้ง หากนึกถึง ดินแดนแห่งพุทธภูมิ เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงประเทศอินเดียแน่นอน แต่คุณรู้ไหมว่ายังมีอีกหนึ่งประเทศอย่างศรีลังกา ที่ผู้คนให้ความสำคัญในด้านศาสนาไม่แพ้กับอินเดียเลย นอกจากนี้ศรีลังกาก็ยังเด่นในเรื่องธรรมชาติที่ยังมีความงดงาม แหล่งปลูกชาซีลอนอันเลื่องชื่อรอต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสด้วยตนเองสักครั้ง

ตามรอยพุทธศาสนา บูชาพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว ร่วมเดินทางกับเรา รับจัดตั้งแต่ 16 คน ขึ้นไป หรือ เป็นครอบครัว กรุ๊ปครูบาอาจารย์ กรุ๊ปเล็ก กรุ๊ปใหญ่ กรุ๊ปส่วนตัว

เรามีรถตู้ รถมินิบัสไว้บริการกับท่านอย่างสะดวกสบาย แล้วท่านจะประทับใจมิรู้ลืม

ทริป ไหว้พระศรีลังกา : อนุราธปุระ โปโลนนารุวะ สิกิริยา วัดถ้ำดำมบุลล่า อลุวิหาร กราบพระธาตุเขี้ยแก้วที่เมืองแคนดี้ ขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศเมืองแแห่งไร่ชาที่ นูวาร่าเอลิยา ด้วยอุณหูมิ 17 องศาทั้งปี โคลัมโบ วัดเกลาณียา วัดคงคาราม ทริป 5 คืน 7 วัน สุดคุ้ม

รุวันเวลิสยาเจดีย์

รุวันเวลิสยาเจดีย์

ถูปาราม เจดีย์แห่งแรกในเกาะลังกา

ถูปารามสถูป

มะหินตะเล สถานที่ประดิษฐานพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรกในศรีลังกา โดยพระมหินทรเถระ

มหาเสยเจดีย์บรรไดอรหันต์ มหินตะเลอาราธนากาลา มหินตะเลมหินตเล ศรีลังกา

พระเขี้ยวแก้วศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 2 องค์ที่ประดิษฐานอยู่ในโลกมนุษย์

ตามรอยพระพุทธศาสนาแห่งกรุงลังกา สัมผัสอารยธรรมงดงามด้านวัฒนธรรมและศาสนา ณ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์

ต้นพระศรีมหาโพธิ์เก่าแก่ที่สุดของโลก อายุกว่า 2,300 ปี เมืองอนุราธปุระ เมืองหลวงแห่งแรกของศรีลังกา

ต้นพระศรีมหาโพธิ์ อนุราธปุระ ศรีลังกาต้นพระศรีมหาโพธิ์ อนุราธปุระ ศรีลังกา

โลหะปราสาท 1 ใน 3 แห่ง ของโลก สร้างประมาณปี พ.ศ. 382 โดยพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัย ได้นำแบบโลหะปราสาทของนางวิสาขามาก่อสร้าง

โลหะปราสาทแห่งที่ 2 ของโลก อนุราธปุระ

รุวันเวลิสยา

เจดีย์ขนาดใหญ่ที่สุด เมืองอนุราธปุระ หนึ่งในอนุสรณ์สถานที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ด้วย พระมหาเจดีย์นี้เองเมื่อถึงคราวสิ้นพระศาสนา พระบรมสารีริกธาตุจากที่ต่างๆจะมารวมตัวกันที่พระมหาเจดีย์นี้และท้ายสุดไปรวมกันที่โพธิบัลลังค์พุทธคยา ปรากฏเป็นพระพุทธเจ้าอีกครั้งแสดงธรรม 7 วันสุดท้ายก่อนสิ้นยุคพระศาสนา

รุวันเวลิสยาเจดีย์ อนุราธปุระ ศรีลังกา

วัดถ้ำดัมบุลลาวัดถ้ำดัมบุลลา

สิคีริยา มีประวัติความเป็นมายาวนาน นับตั้งแต่พุทธปรินิพพานได้ 277 ปี พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ ได้เสด็จประพาสและตั้งชื่อภูเขาแห่งนี้ว่าสีหคีรี ซึ่งแปลว่า เขาสิงห์ ต่อมาใน พ.ศ.440-454 พระเจ้าปุลหัตถะได้สร้างป้อมพร้อมศาลาโรงธรรมไว้ที่นี่ ในรัชสมัยของพระเจ้าพาหิยะได้สืบทอดเจตนารมณ์ของพระราชบิดาโดยการสร้างโรงทานสำหรับพระภิกษุ จนมาถึงในรัชสมัยพระเจ้ากัสสปะ พ.ศ.1020 ได้ทรงสร้างสีหคีรีนี้เป็นป้อมปราการและเป็นพระบรมมหาราชวังด้วย

การที่จะสร้างให้สิคีริยา เป็นราชธานนี้ มีมาตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าธาตุเสน ราชธานีของพระองค์อยู่ที่อนุราชปุระ พระองค์มีพระราชประสงค์จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มีอำนาจทั้งฟ้าและดิน จึงต้องหาที่สร้างวังบนยอดเขา ต่อมาเจ้าชายกัสสปะพระราชโอรสผู้ประสูติจากมเหสีฝ่ายซ้ายซึ่งเป็นหญิงสามัญชน ได้ยึดอำนาจการปกครองจากพระเจ้าธาตุเสน ทำให้เจ้าชายโมคคัลลาน์ รัชทายาทซึ่งประสูติจากสมเด็จพระราชินีต้องลี้ภัยไปอยู่ประเทศอินเดีย

โบราณสถานอันยิ่งใหญ่นี้ ได้รับการยกย่องว่า เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก
• ในปัจจุบันได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก (Word Heritage) อีกแห่งหนึ่งในศรีลังกา ในปี 2525 พร้อมกับเมืองอนุราชปุระและโปโลนนารุวะ
• พระเจ้ากัสสปะกษัตริย์แห่งอนุราชปุระทรงมีชื่อเสียงในความเป็นศิลปิน ทรงสร้างสีคิริยะขึ้นบนก้อนหิน ที่เชื่อกันว่าเป็นที่สิงสถิตของ “คูเวรา” เทพเจ้าแห่งความมั่นคง

สิกิริยาสิกิริยาสิกิริยา พระราชวังลอยฟ้า

กราบนมัสการ พระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว (The Sacred Tooth Relic of the Buddha) ซึ่งเป็นพระทันตธาตุเบื้องซ้ายของของพระพุทธเจ้า เป็นเพียงองค์เดียวที่ปรากฏบนโลกมนุษย์ โดยมีหลักฐานรองรับความถูกต้องตรงตามพระคัมภีร์มหาวังศา นับเป็นสิ่งสักสิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่โบราณ และเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวศรีลังกา พระธาตุเขี้ยวแก้วนี้ได้ถูกบรรจุอยู่ในเจดีย์ทองคำ และผอบทองคำ 7 ชั้น ประดิษฐานในห้องกระจกกันกระสุนอย่างแน่นหนา และไม่เคยเสด็จออกนอกประเทศเลยนับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 9 โดยปกติแล้วผู้ที่มาบูชาพระเขี้ยวแก้วจะถวายดอกไม้และบูชาอยู่เพียงชั้นนอกเท่านั้น

วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ววัดพระธาตุเขี้ยวแก้ววัดพระธาตุเขี้ยวแก้วพระธาตุเขี้ยวแก้ว

นูวารา เอลิย่า ตั้งอยู่ในภาคกลางของศรีลังกา มีความหมายว่าเมืองแห่งแสง เมืองนี้ถูกค้นพบโดยชาวอังกฤษเมื่อเกือบสองร้อยปีก่อน ภูมิอากาศของที่เย็นสบายตลอดทั้งปี ขนาดเราไปในช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิเช้ายังอยู่ที่ 14 องศา และกลางวันประมาณ 18 องศาค่ะ และที่สำคัญเมืองนี้ฝนตกปรอยๆอยู่ตลอด คล้ายกับประเทศอังกฤษจริงๆ เลยทำให้ในช่วงที่อังกฤษปกครองศรีลังกา คนอังกฤษเลยมาสร้างบ้านพักตากอากาศ และพัฒนานูวารา เอลิย่า จนทำให้หลายมุมของเมืองมีความคล้ายกับประเทศอังกฤษ เลยได้ชื่อว่าเป็น Little England แห่งศรีลังกา

ไร่ชา บนนูวาร่า เอลิยาไปรษณีย์ไร่ชา บนนูวาร่า เอลิยา

วัดเกลาณียะราชมหาวิหาร (Kelaniya Raja Maha Viharaya) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโคลัมโบประมาณ 13 กิโลเมตรทางทิศเหนือ วัดแห่งนี้มีความสำคัญต่อชาวพุทธศรีลังกาเพราะเชื่อว่าองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ที่เป็นสาวกอีก 500 รูปได้เคยเสด็จมายังวัดแห่งนี้ในวันวิสาขบูชาตามคำเชิญของเจ้าผู้ครองแคว้น กัลยาณี ซึ่งเป็นพญานาค นามว่า มณีอัคขิกะ (King Maniakkhika) ซึ่งปัจจุบัน ในบริเวณวัดมีพระเจดีย์ทรงระฆังคว่ำสีขาวผุดผ่องขนาดมหึมาซึ่งชาวพุทธศรี ลังกาเชื่อว่าเป็นพระเจดีย์ที่บรรจุพระแท่นบัลลังค์ที่องค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าประทับเมื่อคราวมาโปรดพญานาคมณีอัคขิกะและบริวาร

ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกช่วงประมาณปี พ.ศ. 300 โดยกษัตริย์ยัฎฐาลาติสสะ (King Yathalatissa)  และได้เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในรัชสมัยพระเจ้าปรากรมพาหุที่ 6 (King Parakramabahu VI) แห่งราชอาณาจักรโกฏเฏ (Kingdom of Kotte) ซึ่งโปรดให้สร้างวัดแห่งนี้ให้เป็นวัดที่ยิ่งใหญ่ มีสิ่งปลูกสร้างมากมาย มีพระสงฆ์พำนักนับร้อย จนกลายเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาที่สำคัญ และได้ถูกบรรยายว่าวัดแห่งนี้งดงามราวสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2048 วัดได้ถูกผู้รุกรานชาวโปรตุเกสเผาทำลายลงจนสิ้นซาก 

ต่อมากษัตริย์กีรติศรีราชสิงหะ (King Kirthi Sri Rajasinghe) ซึ่งปกครองราชอาณาจักรแคนดี้ (Kingdom of Kandy) ในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2290 - 2325 ได้ทำข้อตกลงกับผู้ปกครองลังกาในยุคนั้น คือ ฮอลันดา ให้สามารถส่งพระสงฆ์เข้าไปบูรณะวัดได้ ดังนั้น เมื่อปี 2310 ได้โปรดให้พระมปิฏิกามะ พุทธรักขิตตะเถระ (Venerable Mapitigama Buddharakkhita Thera) พร้อมพระสงฆ์จำนวนหนึ่งเดินทางไปปฏิสังขรณ์วัด แต่เหตุการณ์ทางการเมืองที่วุ่นวายซึ่งส่งผลให้ลังกากลายเป็นอาณานิคมของ อังกฤษใด้ทำให้ภารกิจดังกล่าวต้องชะงักลง

ต่อมา เมื่อปี พ.ศ. 2431 นางเฮเลนา วิเจวาร์เดนา (Mrs. Helena Wijewardena) เศรษฐีนีแห่งกรุงโคลัมโบได้สนใจและได้อุทิศทรัพย์สินในการบูรณะปฏิสังขรณ์ วัด ดังนั้น สิ่งปลูกสร้างที่พบเห็นในบริเวณวัดในปัจจุบันจึงเป็นผลจากแรงศรัทธาของเธอ และครอบครัวทั้งสิ้น จุดเด่นที่สำคัญของวัดคือพระวิหาร ซึ่งประกอบด้วยพระนอน ห้องประดิษฐานพระสารีริกธาตุ และภาพจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องชาดก พุทธประวัติ และเหตุการณ์สำคัญทางพุทธศาสนาในศรีลังกา ซึ่งภาพเหล่านั้นเป็นผลงานของนายโสริอัส เมนดิส (Solius Mendis) ศิลปินชื่อดังของศรีลังกาที่ได้อุทิศเวลากว่า 20 ปีในการรังสรรค์ภาพจิตรกรรมที่งดงามดังกล่าว 

kelaniya-templeKelaniya-TempleKelaniya-Temple

โปรแกรมทัวร์

โปรแกรมทัวร์
thepudomdham brand logo
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า Trustmarkthai
© 2025 เทพอุดมธรรม ทราเวล
TAT LICENSE