โปรแกรมการเดินทาง ทัวร์อินเดีย ทัวร์อชันตา ถ้ำมรดกโลก มุมไบ-ออรังกาบัด-ถ้ำแอลโรร่า-ถ้ำอชันต้า ถ้ำเอเลเฟ่นต้า
วันแรก กรุงเทพ – มุมไบ
15.00 คณะพบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์การบินไทย ROW D เข้าทางประตู 2-3 เจ้าหน้าที่บริษัทฯให้การต้อนรับและเช็คอินท์
18.55 ออกเดินทางโดยการบินไทย เที่ยวบิน TG317 (ใช้เวลาเดินทาง 4.30 ชั่วโมง )
22.00 ถึง ท่าอากาศยานนานาชาติฉัตรปตี ศิวาจี มหาราช นครมุมไบ ประเทศอินเดีย หลังผ่าน ขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองนำท่านผ่านตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋า
จากนั้นเดินทางสู่ที่พักโรงแรมฯ........ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
วันที่สอง มุมไบ(บอมเบย์) – เกาะเอเลเฟ่นต้า - มุมไบซิตี้ทัวร์
07.00 รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมฯ
ออกเดินทางสู่ เกาะเอเลเฟ่นต้า เพื่อนั่งเรือประมาณ45นาที เพื่อชมเทวาลัยถ้ำอันอลังการ ถ้ำเอเล่เฟ่นต้า Elephanta Caves (มรดกโลก) เทวาลัยเหล่านี้ขุดเจาะในศตวรรษที่7 และ 8 งานประติมากรรมชิ้นเอกเป็นเทวรูปพระศิวะครึ่งองค์ สูง 5 เมตร มีสามเศียร แสดงปางผู้สร้าง ผู้รักษา และผู้ทำลาย
บ่าย รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น(บ่าย 2-3)
นำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองมุมไบ โดยเรือประมาณ45นาที
นำท่านเที่ยวชม เมืองมุมไบ หรือที่เคยรู้จักกันในชื่อ “บอมเบย์ เมืองท่าเก่าแก่ของอินเดียตอนใต้ และเป็นเมืองเอกของ รัฐมหาราษฏร์ ( Maharashtra ) รัฐที่ร่ำรวยด้วยแหล่งโบราณสถานวัดถ้ำมรดกโลกอันวิจิตรตระการตา มุมไบยังเป็นศูนย์รวม ของศรัทธาความเชื่อและวัฒนธรรมหลากหลายมีฐานะเป็นฮอลีวู้ด (บอลลีวู้ด) ของอินเดียมานาน มีทะเลอาระเบียนโอบล้อมอยู่สามด้าน เป็นศูนย์กลางด้านการค้าพาณิชย์ของอินเดีย จึงดึงดูดให้คนมากมายมาที่เมืองแห่งนี้
นำท่านถ่ายรูปกับ ประตูชัย Gateway of India สัญลักษณ์ของ เมืองมุมไบ เป็นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับประเทศอังกฤษโดยตรง สถานที่นี้สร้างเพื่อใช้ต้อนรับKing George ที่ 5 และ Queen Marry คราวเสด็จไปอินเดียเมื่อครั้งพระองค์ยังทรงตำแหน่งมกุฎราชกุมาร ( Crown Prince) เมื่อปี ค.ศ. 1911 นำท่านถ่ายรูปด้านนอกสถานีรถไฟ Victoria Terminus (UNESCO World Heritage Site) ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษ Frederick William Stevens สร้างเสร็จในปีค.ศ.1888 เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ปัจจุบัน ใช้ชื่อว่า Chhatrapati Shivaji Terminus กรณีมีเวลาให้ท่านอิสระช้อปปิ้งภายในห้าง
ค่ำ รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
จากนั้นเดินทางสู่ที่พักโรงแรมฯ......ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
วันที่สาม มุมไบ – บินไปเมืองออรังกาบัด – ถ้ำเอลโลร่า - ออรังกาบัด
04.30 รับประทานอาหารเช้าแบบกล่องภายในโรงแรมฯพร้อมเช็คเอ้าท์
05.00 นำท่านเดินทางสู่สนามบินมุมไบเพื่อบินสู่เมืองออรังกาบัด
07.05 เครื่องบินออกเดินทางสู่เมืองออรังกาบัด โดยเที่ยวบิน AI499
08.10 ถึงสนามบินออรังกาบัตรัฐมหาราษฏระประเทศอินเดีย จากนั้นนำท่านรับกระเป๋า
นำท่านเดินทางสู่ ถ้ำเอลโลร่า Ellora ( UNESCO World Heritage ) สร้างในปี ค.ศ.600-1000 หรือ พ.ศ.1100 –ประมาณ พ.ศ.1400 หมู่ถ้ำนี้เป็นวัด และศาสนาสถานเจาะเข้าไปในภูเขา เช่นเดียวกับอชันต้า แต่สร้างขึ้นในสมัยหลัง หมู่ถ้ำนี้มีถึง 3 ศาสนา คือ พุทธ ฮินดู และเชน มีทั้งหมด 34 ถ้ำ และเป็นถ้ำพุทธอยู่ชุดแรก เริ่มจากทิศใต้ ถ้ำ 1 ถึง12 ถ้ำ13 ถึง 29 เป็นถ้ำของศาสนาฮินดู รวม17 ถ้ำ และถ้ำ 30-34 อีก 5 ถ้ำ เป็นถ้ำของศาสนาเชน หรือศาสนามหาวีระในบรรดาหมู่ถ้ำทั้งหมด เทวาลัยถ้ำเขาไกรลาส (Kailasanatha Temple )นับเป็นเพชรน้ำเอก (ถ้ำ 16 ) การแกะสลักจะทำจากด้านบนสุด แล้ว ค่อยๆไล่ลงมา นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ชมภาพแกะสลักอย่างวิจิตรงดงามของเหล่าทวยเทพทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นรูปองค์พระศิวะ พระพรหม พระนารายณ์ พระพิฆเนศ ช้างเอราวัณตลอดทั้งเหล่านางเทพ อัปสร และอีกมากมาย
15.00 รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร(รับประทานอาหารช้าเพราะว่าต้องเดินในถ้ำ)
16.00 ได้เวลาอันสมควร นำท่านสู่เดินทางกลับสู่เมือง ออรังกาบัด
นำท่านเข้าสู่ที่พักและรับประทานอาหารค่ำภายในโรงแรมฯ โรงแรม ......ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่สี่ ออรังกาบัด- ถ้ำอะชันต้า – ออรังกาบัด
06.00 รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรมฯ
07.00 ออกเดินทางเพื่อชม ถ้ำอชันต้า ระยะทาง 105 กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงเหนือ นั่งรถประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง ( มรดกโลก ) หมู่ถ้ำอชันต้า ซึ่งที่จริงก็คือวัดในพุทธศาสนา ที่เจาะและแกะสลักเข้าไปในภูเขาอยู่เรียงกันเป็นหมู่รวม 30 ถ้ำ เป็นถ้ำยุคแรก เก่าแก่มาก มีกำเนิดเริ่มแต่ก่อนคริสต์ศักราช ประมาณ 200 หรือ 150 ปี คือราวพ.ศ. 350 หรือ 400 และคาดว่าสร้างมาถึงปี พ.ศ. 1200 และถูกทอดทิ้งกลายเป็นป่ารกชัฏประมาณ 700- 800ปี จนมาถูกค้นพบอีกครั้งโดยบังเอิญในปี พ.ศ.2362 (ค.ศ.1819 ) โดยทหารอังกฤษที่มาล่าสัตว์ ซึ่งเท่ากับ ได้ค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ของโลก หมู่ถ้ำอชันต้าเป็นถ้ำพุทธศาสนาล้วนๆ แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นสาย หีนยาน หรือ เถรวาท พุทธศาสนาที่ไปสู่เมืองไทย มีอยู่ 6 ถ้ำคือ ถ้ำที่ 8,9,10,12,13 และ 15 ซึ่งเป็นหมู่ถ้ำที่เก่าแก่ที่สุด ประมาณ พ.ศ.400-600 ส่วนที่เหลือจากนั้น อีก 24 ถ้ำเป็นสาย มหายาน หลายถ้ำก็เป็นแบบผสมคือเป็นของหีนยานแต่เดิม แล้วฝ่ายมหายานมาเติมแต่งทีหลัง ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่าง ถ้ำเถรวาท กับ ถ้ำมหายาน ก็คือ ในพุทธศาสนาเถรวาทยุคแรกนั้นไม่มีพระพุทธรูป มีแต่พระสถูป ต่อมาตอนหลังๆ ก็มีพระพุทธรูปชัดเจนขึ้น
ชมความมหัศจรรย์ อลังการ สร้างจากศรัทธาของ ชาวอินเดียภายในถ้ำสลักเสลาเป็นเสาประดับลวดลายอันงดงาม พระพุทธรูป และเจดีย์ศิลาที่สกัด และตบแต่งขึ้น จากหินชิ้นเดียวกับพื้น และผนังถ้ำภาพจิตรกรรมฝาผนังอายุกว่า 1,200 ปี มีความงดงามสมบูรณ์ด้วย เทคนิคการเขียนภาพสามมิติอันน่าอัศจรรย์ พระพุทธรูปศิลา ที่แสดงอารมณ์พระพักตร์ต่างกันเมื่อแสงตกสะท้อนจากต่างมุม
15.00 รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (รับประทานอาหารช้า)
16.00 ได้เวลาอันสมควร นำท่านสู่เดินทางกลับสู่เมืองออรังกาบัด
เย็น นำท่านเข้าสู่ที่พักและรับประทานอาหารค่ำภายในโรงแรมฯ โรงแรม ....ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า
วันที่ห้า ออรังกาบัด - มุมไบ - กรุงเทพฯ
06.00 รับประทานอาหารเช้าแบบกล่องที่โรงแรมพร้อมเช็คเอ้าท์
06.30 ถึงสนามบินเมืองออรังกาบัด นำท่านเช็คอินท์เพื่อบินกลับสู่เมืองมุมไบ
08.50 เครื่องบินออกเดินทางสู่เมืองมุมไบ โดย AI400
09.50 ถึงสนามบินมุมไบ นำท่านรับกระเป๋า
นำท่านเดินทางสู่ ถ้ำกัณเหรี Kanheri Cave ซึ่งอยู่ใน อุทยานแห่งชาติ Sanjay Gandhi หรือชื่อเดิม Borivali National Park ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ระยะทาง 42 ก.ม.จากมุมไบ เมืองที่มีความวุ่นวายในมุมไบ แต่กลับมีอุทยานและถ้ำ ที่ไม่ห่างไกลเมืองวุ่นวาย คำว่า “Kanheri” ซึ่งเป็นชื่อของถ้ำนั้น มา จากภาษาสันสกฤตคำว่า “Krishnagiri” ซึ่งหมายถึงภูเขาสีดำ สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 ถึง 9 ถ้ำแห่งนี้มีจำนวนทั้งหมด 109 ห้องซึ่งแต่งละห้องก็มีเรื่องราวความสำคัญต่างกันไป ถ้ำที่โดดเด่นคือ ถ้ำหมายเลข 3
บ่าย รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
กรณีมีเวลาให้ท่านอิสระช้อปปิ้งภายในห้าง
เย็น รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
20.00 นำท่านเดินทางสู่สนามบินเพื่อบินกลับสู่กรุงเทพฯ
23.20 เครื่องบินออกจากสนามบินมุมไบ โดยเที่ยวบิน TG318
วันที่หก มุมไบ – กรุงเทพ
05.05 เดินทางกลับมาถึง กรุงเทพ ด้วยความประทับใจ
#พรุ่งนี้ไม่มีอยู่จริง หากคุณยังไม่ได้เดินทางไปเห็นสัมผัสกับตาตัวเอง....ถ้ำมรดกโลก อชันต้า - เอลโลร่า มีอายุเกือบ 2,000 ปี เลยหรือ ???
#สิ่งที่ปรากฎอยู่ตรงหน้ามากกว่า งานวิจิตรศิลป์ ใด ๆ. ที่เคยเห็น.ผลงานของคนในอดีต ทำให้รู้ถึงงานช่างที่ละเมียดละไม ซึ่งมาจากรากฐานของความศรัทธาในศาสนาของตน
#ครั้งหนึ่งในชีวิตที่พุทธบริษัทชาวไทยเดินตามรอยพุทธสถานมรดกโลก มหัศจรรย์พุทธสถานวิหารอินเดียใต้
#ควรได้จาริกมากราบสักการะ อุเทสิกเจดีย์พุทธสถานวิหารถ้ำ “อชันต้า-ถ้ำเอลโลร่า”
#ถ้ำเอลโลรา หนึ่งในถ้ำมหัศจรรย์ที่เปลี่ยนภูเขาหินแกรนิตอันแข็งแกร่งทั้งลูกให้กลายเป็นวัดใน 3 ศาสนา คือ ศาสนาพุทธ ศาสนาฮินดู และศาสนาเชน
#ตามรอยพระพุทธเจ้า เพราะเป็นเส้นทางของแคว้นอัสกะครั้งสมัยพุทธกาล มีประวัติการเสด็จมาของพระพุทธเจ้า และมีพระอรหันต์จากรัฐนี้จำนวนมาก
#ตามรอยพระเจ้าอโศกมหาราช เพราะรัฐนี้พระเจ้าอโศกมหาราชยังส่งพระสมณทูตมาเผยแผ่ที่รัฐมหาราษฎร์ถึง 3 สายด้วยกัน
คือ สายที่ 3-4-5 ทำให้รัฐมหาราษฎร์พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองจนปัจจุบันปรากฏถ้ำที่นี่กว่า 900 ถ้ำ พุทธศาสนา
#ตามรอยพระถังซำจั๋ง มหาบุรุษพุทธานุภาพท่านเคยเดินเท้าจาริกมาถึงถ้ำอชันต้า ราว พ.ศ.1183
#ตามรอยท่าน ดร.อัมเบดการ์ มหาบุรุษผู้นำพุทธศาสนากลับคืนสู่อินเดียอีกครั้งหลังพุทธศาสนาหมดไปจากอินเดียกว่า1000 ปี รัฐนี้ท่านอัมเบดการ์ใช้ประกาศตน
เป็นชาวพุทธ ปัจจุบันรัฐนี้มีชาวพุทธมากกว่า5 ล้านคน มากที่สุดในอินเดีย
และตามรอยบุญกรรมแต่ปางก่อน
เช่น หลวงพ่อพุทธทาส, หลวงพ่อ ป.อ.ปยุตโต, สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ,หลวงพ่อวิริยังค์,
หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ, เป็นต้น
#ตามรอยพ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตาม้าท่านเคยเดินทางมาฝากกระแสไว้สถานที่นี้เช่นกัน
#ตามรอยบุญแต่ปางก่อนของตน ณ.แดนพุทธภูมิ รัฐมหาราษฎร์ อินเดีย
#หมู่ถ้ำเอลโลร่า สิ่งมหัศจรรย์อันยิ่งใหญ่แห่งถ้ำศาสนสถานโบราณของ 3 ศาสนา
ทั้งศาสนาพุทธ ศาสนาฮินดู และศาสนาเชน มีมากกว่า 100 ถ้ำ
#สร้างขึ้นโดยการเจาะเข้าไปในหน้าผาหิน บะซอลต์ ในหมู่เทือกเขาจารนันทรี Charanandri Hills,เป็นแหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก
#ความยิ่งใหญ่ของถ้ำเอลโลร่าในส่วนของถ้ำฮินดู เป็นเทวสถานอันศักดิ์สิทธิ์เลื่องชื่อระดับโลก เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และเป็นมรดกโลกที่มีหนึ่งเดียวเท่านั้นในโลก
#ถ้ำฮินดูตั้งแต่ถ้ำหมายเลข 13 ไปจนถึงถ้ำหมายเลข 29 มีทั้งหมด 17 ถ้ำแต่ถ้ำที่เป็นสุดยอดถ้ำคือถ้ำหมายเลข 16 ถ้ำถ้ำนี้มีการแกะสลักภูเขาหินใหญ่ให้กลายเป็นเขาไกรลาศที่ประทับของพระมหาเทวะหรือองค์พระศิวะเจ้า
#เป็นงานหินที่ชาวฮินดูได้สร้างสรรค์ด้วยความศรัทธาอย่างสูงสุด ต่อพระศิวะจึงได้จำลองเอาเขาไกรลาส คือ สวรรค์ ที่ประทับของพระศิวะและเทพเทวามาไว้บนพื้นปัฐพีมนุษย์โลก ซึ่งวิหารไกรลาสนี้คือไฮไลท์ถ้ำแอลโรร่า
ถ้ำหมายเลข 10 ถ้ำเจติยะหนึ่งเดียวแห่งพุทธวิหารหมู่ถ้ำเอลโลร่า ถือเป็นพระอุโบสถที่เก่าแก่ และศักดิ์สิทธิ์ อายุกว่า 1,400 ปี
มีศิลปะที่แกะสลักได้งดงามประณีตดุจเทพสร้างจึงได้อีกนามว่า"ถ้ำวิศวกรรม" เปรียบพระอินทร์ทรงมอบให้พระวิศวกรรมนายช่างใหญ่แห่งสวรรค์สร้างถวายเป็นพุทธบูชา เป็นถ้ำพุทธที่สำคัญที่สุด
ของหมู่ถ้ำเอลโลร่า หากยังไม่ได้มาถ้ำนี่คือมาไม่ถึงแน่นอน
#ถ้ำหมายเลข 10 เป็นถ้ำที่สำคัญที่สุดของถ้ำพุทธในเอลโลราแห่งนี้ ถ้ำนี้เชื่อว่าถ้ำวิศวกรรมเป็นอุโบสถเพียงหนึ่งเดียวของพระพุทธศาสนา
#ในถ้ำเอลโรล่าเป็นถ้ำแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เป็นถ้ำที่พระสงฆ์ในสมัยก่อนเข้ามาทำสังฆกรรมร่วมกันเป็นถ้ำที่ให้กำเนิดพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เพราะบวชพระก็ใช้ถ้ำนี้
#โดยสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ 1000 ไปจนถึงประมาณ 1400 ได้ทั้งหมด 34 ถ้ำ เริ่มตั้งแต่ถ้ำพุทธปี พ.ศ 1000 ถึง 1200 สร้างทั้งหมด 12 ถ้ำ
ถ้ำหมายเลข 2 คือถ้ำที่เก่าแก่ที่สุด
#ถ้ำหมายเลข 5 คือถ้ำที่ใหญ่โตที่สุด แล้วก็เป็นถ้ำที่กองโบราณคดีได้สันนิษฐานว่าเป็นหอฉันท์ที่พระภิกษุจะเข้ามาร่วมกันฉันท์ที่นั่น แต่เท่าที่ดูแล้วน่าจะเป็นหอสวดมนต์มากกว่าหอฉันท์
ถ้ำพุทธ เอลโลร่า ฝั่งทางด้านซ้ายมือเป็นรูปเคารพองค์อวโลกิเตศวรที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด นั่งแบบมหาราชลีลาคือ..นั่งแบบโอ่โถ่ง แสดงอำนาจบารมี เป็นหนึ่งในองค์อวโลกิเตศวรที่สมบูรณ์แบบในรูปลักษณ์ของศิลปะ
#ถ้ำหมายเลข 6 เป็นถ้ำที่มีพระนางตารา พระนางตาราเป็นที่นับถือมากในพุทธของอินเดียเนปาลและทิเบต พระนางตาราเป็นมเหสีของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ส่วนจีนจะนับถือพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ในภาคผู้หญิง โดยพระแม่ตาราท่านนี้เขาเปรียบดั่งว่าเป็นมารดาของพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ จึงเต็มเปี่ยมไปด้วยมหากรุณาคุณอย่างยิ่งในถ้ำหมายเลข 6
#ในถ้ำหมายเลข 6 ยังมีตาราอีกพระองค์หนึ่งที่ชื่อว่ามหามยุรีเป็นตาราที่เปี่ยมไปด้วยปัญญา และการศึกษาอันเลิศ
#การมีเงินมากมายมหาศาลก็ใช่ว่าจะได้มาที่นี่
#แต่ผู้ที่มีศรัทธาตั้งมั่น มีความเพียรตั้งอยู่ ย่อมมาถึง..
#นัอมกราบในความเมตตาพระอาจารย์ พระบุญตาสมัคร สิริปุญโญ เมตตาแก่หมู่คณะจัดพระธรรมวิทยากรบรรยายถ้ำเอลโรร่า และได้มีโอกาสร่วมสร้างโบสถ์วัดไทยอชันต้า อัลโรร่า ออรังกาบัด
#น้อมกราบขอบคุณข้อมูลก่อนการเดินทาง พระอาจารย์สิทธิโชค
วัดไทยพุทธวิหารอชันตา ผู้เขียนหนังสือ
" พุทธสถานวิหารถ้ำอินเดียใต้ "
#ศรัทธาปัญญาเสมอ แล้วค่อยเจอกัน
#เดินตามรอยกระแสพระโพธิสัตว์ เดินทางไปที่ไหนให้ความสุขแก่โลกวิญญาน
โปรแกรมอาจเปลี่ยนแปลงตามตารางการบิน
หมายเหตุ :
1. เวลาที่ปรากฏในโปรแกรมกับการปฏิบัติจริงอาจแตกต่างกันเล็กน้อย ขอให้ท่านรับทราบคำแนะนำการเปลี่ยนแปลงการนัด หมายเวลาในการทำกิจกรรมอีกครั้งจากหัวหน้าทัวร์
2. บริษัทอาจทำการเปลี่ยนแปลงรายการ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม แต่จะยึดผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาวะของสายการบิน โรงแรมที่พัก ภูมิอากาศ ภัยธรรมชาติ การนัดหยุดงานฯลฯ ตลอดจนสภาวะทาง เศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเมืองภายใน อันเป็นสาเหตุให้ต้องเลื่อนการเดินทางหรือไม่สามารถจัดพาคณะท่องเที่ยว ได้ตามรายการ