เที่ยวศรีลังกา

ทริปไหว้พระศรีลังกา น้อมจิตกราบบูชาพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วอันศักดิ์สิทธิ์

เที่ยวศรีลังกา ตามรอยพระพุทธศาสนาแห่งกรุงลังกา ครั้งหนึ่งในชีวิต นมัสการพระบรมธาตุเขี้ยวเเก้ว สัมผัสอารยธรรมเมืองอนุราธปุระ ชมพุทธประวัติมหินตะเล นั่งสมาธิใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เดินตามรอยพระอุบาลี วัดมัลละวัตตะมหาวิหาร หรือวัดบุปผาราม เมืองแคนดี้ สักการะพระเขี้ยวแก้ว พระทันตธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

วัดถ้ำดัมบุลลา (Dambulla Cave Temple) เป็นที่รู้จักกันในชื่อวัดทองคำแห่งดัมบุลลา วัดพุทธที่สำคัญแห่งหนึ่งของศรีลังกา เป็นวัดถ้ำที่ใหญ่ที่สุดและมีการทำนุบำรุงไว้อยู่ในสภาพดีที่สุดในศรีลังกา ประกอบด้วยถ้ำ 5 ถ้ำ แต่ละถ้ำมีขนาดไม่เท่ากัน ถ้ำเทวราชา เป็นถ้ำที่เก่าแก่ที่สุดในจำนวน 5 ถ้ำ มีพระพุทธรูปปางปรินิพพานขนาดใหญ่แกะสลักจากหินอ่อนยาว 49 เมตร ถ้ำมหาราชา เป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่และมีความสำคัญที่สุด ภายในมีพระพุทธรูปและประติมากรรมจำนวนมาก ถ้ำมหาอลุต มีพระนอนขนาดเกือบ 10 เมตรประดิษฐานอยู่ ถ้ำภัคชิมา มีขนาดเล็กที่สุดแต่มีภาพจิตรกรรมเต็มไปทั่วพื้นที่เพดานถ้ำและ ถ้ำเทวนะอลุต เป็นถ้ำที่สร้างขึ้นหลังสุด ภายในมีพระนอนขนาดใหญ่ 

วัดถ้ำดัมบุลลาวัดถ้ำดัมบุลลา4วัดถ้ำดัมบุลลา6

สิคีริยา มีประวัติความเป็นมายาวนาน นับตั้งแต่พุทธปรินิพพานได้ 277 ปี พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ ได้เสด็จประพาสและตั้งชื่อภูเขาแห่งนี้ว่าสีหคีรี ซึ่งแปลว่า เขาสิงห์ ต่อมาใน พ.ศ.440-454 พระเจ้าปุลหัตถะได้สร้างป้อมพร้อมศาลาโรงธรรมไว้ที่นี่ ในรัชสมัยของพระเจ้าพาหิยะได้สืบทอดเจตนารมณ์ของพระราชบิดาโดยการสร้างโรงทานสำหรับพระภิกษุ จนมาถึงในรัชสมัยพระเจ้ากัสสปะ พ.ศ.1020 ได้ทรงสร้างสีหคีรีนี้เป็นป้อมปราการและเป็นพระบรมมหาราชวังด้วย

การที่จะสร้างให้สิคีริยา เป็นราชธานนี้ มีมาตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าธาตุเสน ราชธานีของพระองค์อยู่ที่อนุราชปุระ พระองค์มีพระราชประสงค์จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มีอำนาจทั้งฟ้าและดิน จึงต้องหาที่สร้างวังบนยอดเขา ต่อมาเจ้าชายกัสสปะพระราชโอรสผู้ประสูติจากมเหสีฝ่ายซ้ายซึ่งเป็นหญิงสามัญชน ได้ยึดอำนาจการปกครองจากพระเจ้าธาตุเสน ทำให้เจ้าชายโมคคัลลาน์ รัชทายาทซึ่งประสูติจากสมเด็จพระราชินีต้องลี้ภัยไปอยู่ประเทศอินเดีย

โบราณสถานอันยิ่งใหญ่นี้ ได้รับการยกย่องว่า เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก
• ในปัจจุบันได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก (Word Heritage) อีกแห่งหนึ่งในศรีลังกา ในปี 2525 พร้อมกับเมืองอนุราชปุระและโปโลนนารุวะ
• พระเจ้ากัสสปะกษัตริย์แห่งอนุราชปุระทรงมีชื่อเสียงในความเป็นศิลปิน ทรงสร้างสีคิริยะขึ้นบนก้อนหิน ที่เชื่อกันว่าเป็นที่สิงสถิตของ “คูเวรา” เทพเจ้าแห่งความมั่นคง

สิกิริยา พระราชวังลอยฟ้าสิกิริยาสิกิริยา

กราบนมัสการ พระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว (The Sacred Tooth Relic of the Buddha) ซึ่งเป็นพระทันตธาตุเบื้องซ้ายของของพระพุทธเจ้า เป็นเพียงองค์เดียวที่ปรากฏบนโลกมนุษย์ โดยมีหลักฐานรองรับความถูกต้องตรงตามพระคัมภีร์มหาวังศา นับเป็นสิ่งสักสิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่โบราณ และเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวศรีลังกา พระธาตุเขี้ยวแก้วนี้ได้ถูกบรรจุอยู่ในเจดีย์ทองคำ และผอบทองคำ 7 ชั้น ประดิษฐานในห้องกระจกกันกระสุนอย่างแน่นหนา และไม่เคยเสด็จออกนอกประเทศเลยนับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 9 โดยปกติแล้วผู้ที่มาบูชาพระเขี้ยวแก้วจะถวายดอกไม้และบูชาอยู่เพียงชั้นนอกเท่านั้น

พระธาตุเขี้ยวแก้วอันศักดิ์สิทธิ์ แคนดี้ ศรีลังกาวัดพระธาตุเขี้ยวแก้ววัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้ ศรีลังกา

นูวารา เอลิย่า ตั้งอยู่ในภาคกลางของศรีลังกา มีความหมายว่าเมืองแห่งแสง เมืองนี้ถูกค้นพบโดยชาวอังกฤษเมื่อเกือบสองร้อยปีก่อน ภูมิอากาศของที่เย็นสบายตลอดทั้งปี ขนาดเราไปในช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิเช้ายังอยู่ที่ 14 องศา และกลางวันประมาณ 18 องศาค่ะ และที่สำคัญเมืองนี้ฝนตกปรอยๆอยู่ตลอด คล้ายกับประเทศอังกฤษจริงๆ เลยทำให้ในช่วงที่อังกฤษปกครองศรีลังกา คนอังกฤษเลยมาสร้างบ้านพักตากอากาศ และพัฒนานูวารา เอลิย่า จนทำให้หลายมุมของเมืองมีความคล้ายกับประเทศอังกฤษ เลยได้ชื่อว่าเป็น Little England แห่งศรีลังกา

ไร่ชา บนนูวาร่า เอลิยาวิวบนเมืองไร่ชา นูวาร่า เอลิยา

วัดเกลาณียะราชมหาวิหาร (Kelaniya Raja Maha Viharaya) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโคลัมโบประมาณ 13 กิโลเมตรทางทิศเหนือ วัดแห่งนี้มีความสำคัญต่อชาวพุทธศรีลังกาเพราะเชื่อว่าองค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าและพระอรหันต์ที่เป็นสาวกอีก 500 รูปได้เคยเสด็จมายังวัดแห่งนี้ในวันวิสาขบูชาตามคำเชิญของเจ้าผู้ครองแคว้น กัลยาณี ซึ่งเป็นพญานาค นามว่า มณีอัคขิกะ (King Maniakkhika) ซึ่งปัจจุบัน ในบริเวณวัดมีพระเจดีย์ทรงระฆังคว่ำสีขาวผุดผ่องขนาดมหึมาซึ่งชาวพุทธศรี ลังกาเชื่อว่าเป็นพระเจดีย์ที่บรรจุพระแท่นบัลลังค์ที่องค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าประทับเมื่อคราวมาโปรดพญานาคมณีอัคขิกะและบริวาร

ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกช่วงประมาณปี พ.ศ. 300 โดยกษัตริย์ยัฎฐาลาติสสะ (King Yathalatissa)  และได้เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในรัชสมัยพระเจ้าปรากรมพาหุที่ 6 (King Parakramabahu VI) แห่งราชอาณาจักรโกฏเฏ (Kingdom of Kotte) ซึ่งโปรดให้สร้างวัดแห่งนี้ให้เป็นวัดที่ยิ่งใหญ่ มีสิ่งปลูกสร้างมากมาย มีพระสงฆ์พำนักนับร้อย จนกลายเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาที่สำคัญ และได้ถูกบรรยายว่าวัดแห่งนี้งดงามราวสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2048 วัดได้ถูกผู้รุกรานชาวโปรตุเกสเผาทำลายลงจนสิ้นซาก 

ต่อมากษัตริย์กีรติศรีราชสิงหะ (King Kirthi Sri Rajasinghe) ซึ่งปกครองราชอาณาจักรแคนดี้ (Kingdom of Kandy) ในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2290 - 2325 ได้ทำข้อตกลงกับผู้ปกครองลังกาในยุคนั้น คือ ฮอลันดา ให้สามารถส่งพระสงฆ์เข้าไปบูรณะวัดได้ ดังนั้น เมื่อปี 2310 ได้โปรดให้พระมปิฏิกามะ พุทธรักขิตตะเถระ (Venerable Mapitigama Buddharakkhita Thera) พร้อมพระสงฆ์จำนวนหนึ่งเดินทางไปปฏิสังขรณ์วัด แต่เหตุการณ์ทางการเมืองที่วุ่นวายซึ่งส่งผลให้ลังกากลายเป็นอาณานิคมของ อังกฤษใด้ทำให้ภารกิจดังกล่าวต้องชะงักลง

ต่อมา เมื่อปี พ.ศ. 2431 นางเฮเลนา วิเจวาร์เดนา (Mrs. Helena Wijewardena) เศรษฐีนีแห่งกรุงโคลัมโบได้สนใจและได้อุทิศทรัพย์สินในการบูรณะปฏิสังขรณ์ วัด ดังนั้น สิ่งปลูกสร้างที่พบเห็นในบริเวณวัดในปัจจุบันจึงเป็นผลจากแรงศรัทธาของเธอ และครอบครัวทั้งสิ้น จุดเด่นที่สำคัญของวัดคือพระวิหาร ซึ่งประกอบด้วยพระนอน ห้องประดิษฐานพระสารีริกธาตุ และภาพจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องชาดก พุทธประวัติ และเหตุการณ์สำคัญทางพุทธศาสนาในศรีลังกา ซึ่งภาพเหล่านั้นเป็นผลงานของนายโสริอัส เมนดิส (Solius Mendis) ศิลปินชื่อดังของศรีลังกาที่ได้อุทิศเวลากว่า 20 ปีในการรังสรรค์ภาพจิตรกรรมที่งดงามดังกล่าว 

วัดเกลาณียะราชมหาวิหารวัดเกลาณียะราชมหาวิหาร

  1. โปรแกรมทัวร์

โปรแกรมทัวร์
thepudomdham brand logo
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า Trustmarkthai
© 2025 เทพอุดมธรรม ทราเวล
TAT LICENSE