ประวัติความเป็นมา
พ.ศ. ๒๓๖ พระมหินทเถระ พร้อมกับพระอิฏฏิยเถระ พระอุตติยเถระ พระภัททสาสเถระ พระสัมพลเถระ สุมนสามเณร (โอรสของพระนางสังฆมิตตา ) ซึ่งล้วนเป็นพระอรหันต์พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา และภัณฑกอุบาสก ผู้ได้เห็นสัจจะแล้ว รวมเป็น ๗ ท่าน ได้เหาะไปทางอากาศ ไปที่มิสสกบรรพต หรือเจติยบรรพต แปลว่าภูเขาแห่งเจดีย์ อยู่ทางทิศตะวันออก (ประมาณ ๑๒ กิโลเมตร) ของเมืองอนุราธปุระ ในปัจจุบันเรียกว่ามิหินตเล หรือมหินทเล (อังกฤษ: Mihintale) และถัดจากมหินตเลนั้นมีอัมพัตถละเจดีย์ (อังกฤษ: Ambasthala Dagaba แปลว่าเจดีย์บนเนินมะม่วง ) สถานที่ที่พระมหินทเถระ พบกับพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ ขณะเสด็จออกมาล่าสัตว์ เมื่อท่านทั้งสองได้พบกัน พระมหินทเถระได้ถวายพระพรว่า
บัดนี้ ชมพูทวีปรุ่งเรืองไปด้วยผ้ากาสาวพัสตร์ สะบัดอบอวลไปด้วยลมฤษี, ในชมพูทวีปนั้น มีพระอรหันต์พุทธสาวกเป็นอันมาก ซึ่งเป็นผู้มีวิชชา ๓ และได้บรรลุฤทธิ์ เชี่ยวชาญทางเจโตปริยญาณ สิ้นอาสวะแล้ว
เมื่อพระเถระทดสอบพระปัญญาของพระราชาแล้ว ทราบว่าทรงเป็นบัณฑิต จักทรงสามารถรู้ธรรมได้ จึงแสดงจูฬหัตถิปโทปมสูตร ในเวลาจบกถา พระราชาพร้อมด้วยข้าราชบริพารประมาณสี่หมื่นดำรงอยู่ในไตรสรณคมน์ ประกาศตนเป็นพุทธมามกะ
ศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรืองในเกาะลังกา
เมื่อพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ เสด็จกลับแล้วพระมหินทเถระ มอบให้สุมนสามเณร ประกาศเวลาฟังธรรมทั่วเกาะลังกา เสียงโฆษณานั้นกระฉ่อนไปถึงพรหมโลก เมื่อพระเถระเห็นเทวดามาประชุมกันมากมาย จึงแสดงสมจิตตสูตร ในเวลาจบกถา เหล่าเทวดาประมาณอสงไขยหนึ่งได้บรรลุธรรม นาคและสุบรรณมากมายก็ได้ตั้งอยู่ในสรณคมน์
วันรุ่งขึ้นพระราชาส่งรถไปรับพระเถระ และคณะไปฉันและแสดงธรรมในพระราชวังกรุงอนุราธปุระ ท่านไม่ขึ้นรถ แต่เหาะมาทางอากาศ เมื่อพระเถระเห็นการบูชาและสักการะของพระราชาแล้ว ก็คิดว่า พระพุทธศาสนาจักแผ่ไปทั่วลังกาทวีป และตั้งมั่นไม่หวั่นไหวดุจแผ่นดิน และได้แสดงเปตตวัตถุ วิมานวัตถุ และสัจจสังยุต โปรดพระราชาและชาวเกาะ สตรีในวัง ๕๐๐ ที่มีพระนางอนุฬา เป็นประมุข ได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน และแสดงอาสิวิโสปมสูตร มีผู้บรรลุพระโสดาบัน ๑,๐๐๐ คน