พระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว อันศักดิ์สิทธิ์

พระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว อันศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานอยู่ที่เมืองแคนดี้ วัดดาลาดา มัลลิกาวะ ศรีลังกา

พระธาตุเขี้ยวแก้ว  เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญที่สุดของประเทศศรีลังกา  ไม่ว่าเมืองหลวงของศรีลังกาจะอยู่ที่ใด พระเขี้ยวแก้วจะต้องประดิษฐานคู่กับเมืองหลวงนั้น   ปัจจุบันพระธาตุเขี้ยวแก้ว ประดิษฐานอยู่ที่เมืองแคนดี้  เมืองหลวงแห่งสุดท้ายของศรีลังกาที่มีกษัตริย์ปกครองประเทศ

พระทันตธาตุ หรือพระธาตุเขี้ยวแก้ว   คือส่วนแห่งพระบรมสารีริกธาตุในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ตามตำนานเล่าขานถึงพระเขี้ยวแก้ว 4 องค์  องค์แรกอยู่ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์  องค์ที่สองอยู่ที่บาดาล  พญานาคนำไป  องค์ที่สามอยู่ที่แคว้นคันธาละ ซึ่งขณะนี้คือ ดินแดนของปากีสถาน ต่อมาพระเขี้ยวแก้วองค์นี้ได้หายสาบสูญไป คาดว่าได้ถูกนำไปไว้ที่ประเทศจีน   ส่วนพระเขี้ยวแก้วองค์ที่สี่  อยู่ที่ประเทศศรีลังกา

ตามประวัติศาสตร์ของศรีลังกา พระธาตุเขี้ยวแก้ว เคยประดิษฐานที่เมืองอนุราธปุระ เมืองหลวงแห่งแรกของศรีลังกา  เมื่อปีพุทธศักราช 844-871  ต่อมาเมื่อมีการย้ายเมืองหลวงไปที่โปโลนารุวะ  ซึ่งเป็นยุคทองของพุทธศาสนา  พระเขี้ยวแก้วก็ได้ย้ายมาประดิษฐานที่นี่    วัดพระเขี้ยวแก้ว เป็นวัดที่สำคัญที่สุด ของเมืองโปโลนารุวะ ตั้งอยู่บนฐานสูง ประกอบไปด้วยกลุ่มอาคารหลายหลัง  เช่นวิหารหาตะทาเค  เป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วในพระนคร วิหารอัฎทาเค  วิหารพระเขี้ยวแก้วหลังแรกของโปโลนารุวะ  และวัฎทาเค  เป็นวิหารเจดีย์ทรงกลม 2 ชั้น ภายในมีพระเจดีย์บรรจุพระธาตุ และพระพุทธรูปปางสมาธิทั้ง 4 ทิศ    นับเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามที่ของยุคทองศรีลังกา

พระธาตุเขี้ยวแก้ว ศรีลังกา

ปัจจุบันพระเขี้ยวแก้ว  ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้ ราชธานีแห่งสุดท้ายของศรีลังกาก่อนที่ถูกอังกฤษเข้ายึดครอง ในปี คศ.1815  เป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา วัดตั้งอยู่ในเขตพระราชวังเดิม ล้อมรอบด้วยปราการและคูน้ำ  พระทันตธาตุ หรือพระเขี้ยวแก้ว  คือ ฟันเขี้ยวเบื้องล่างด้านซ้ายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่ในวิหารพระเขี้ยวแก้ว  บรรจุอยู่ในกล่องงาข้างฝังอัญมณีหุ้มทอง เจดีย์แก้ว เจดีย์ทองอีก 7 ชั้น ตั้งอยู่ในห้องกระจำกันกระสุน มีการอารักขาอย่างรัดกุม จะเปิดให้นมัสการต้องมีกรรมการ 3 คน แต่ละคนถือกุญแจคนละดอก มาพร้อมกันจึงจะเปิดได้  โดยจะเปิดให้นมัสการเช้ามืด   กลางวัน และตอนค่ำ  วันละ 3 เวลา  โดยมีชาวพุทธจากทั่วโลกเดินทางมาสักการะจำนวนมาก

เมืองแคนดี้  ยังมีสถานะเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับ เมืองอยุธยา ในฐานะเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของทั้งสองประเทศ และต่างเคยรุ่งเรืองด้านพระพุทธศาสนามาก่อน   การส่งพระธรรมทูตนำโดย พระอุบาลี  เจ้าอาวาสวัดธรรมาราม จากอยุธยา  ไปประกอบพิธีบรรพชา และอุปสมบทให้สามเณร สะระณังกรและคณะเมื่อ 260 ปีที่แล้ว และมีการก่อตั้งลัทธิสยามวงศ์ในศรีลังกา

ในวาระครบรอบ 260 ปีความสัมพันธ์ด้านพุทธศาสนาไทย ศรีลังกา เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว รัฐบาลไทยมอบทุนเรียนพุทธศาสนาแก่ชาวศรีลังกา 260 ทุน ภายใน 3 ปี  และวางแผนปรับปรุงพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพุทธประวัติของไทยในพิพิธภัณฑ์พุทธศาสนานานาชาติของศรีลังกา  ขณะที่ศรีลังกาได้มีโครงการส่งเสริมการบิณฑบาตที่ได้สูญหายไปจากศรีลังกา  โดยเริ่มโครงการในวันพระใหญ่ ที่เรียกว่า โปยา มีการนิมนต์พระสงฆ์จากไทย  26 รูปจากไทย มาเพื่อฉลอง 260 ปีสยามวงศ์   เป็นการเฉลิมฉลองซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากชาวศรีลังกา

พระธาตุเขี้ยวแก้ว ศรีลังกา

คัมภีร์ระบุไว้ว่าได้มีการนำไปประดิษฐานที่ต่างๆ ดังนี้
1. พระอรุณหิศ (กรามหน้า) ประดิษฐานที่เมืองอนุราธปุระ
2. พระรากขวัญเบื้องซ้าย (ไหปลาร้า) ประดิษฐานอยู่ที่ทุสสเจดีย์บนสวรรค์ชั้นพรหมโลก
3. พระรากขวัญเบื้องขวา ประดิษฐานอยู่ที่พระเกศจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
4. พระขี้ยวแก้วเบื้องล่างขวาประดิษฐานอยุ่ที่เมืองกาลิงคะ แล้วไปที่ศรีลังกาที่แคนดี
5. พระเขี้ยวแก้วเบื้องล่างซ้าย ประดิษฐานอยู่ที่นาคพิภพ
6. พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนขวา ประดิษฐาน อยู่ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
7. พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนซ้าย ประดิษฐานอยู่ที่คันธาระในอัฟกานิสถานต่อมาถุกอัญเชิญไปเมืองฉางอัน ในจีนโดยหลวงจีนฟาเหียนต่อมานำมาบรรจุที่วัด หลิงกวง นครปักกิ่ง

แต่เดิมพระเขี้ยวแก้วองค์นี้เดิมอยู่ที่แคว้นกาลิงคะหรือรัฐโอริสสาในอินเดียตะวันออก ถูกอัญเชิญมาที่ ศรีลังกา นอกเหนือจากพระเขี้ยวแก้วแล้วกล่าวกันว่า ศรีลังกายังมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ตอนจากกิ่งต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา ต้นแรกอยู่ที่อนุราธปุระ พระรากขวัญที่ พระมหาสถูปถูปารามที่อนุราธปุระ พระบรมสารีริกธาตุจำนวนเท่าทะนานหนึ่งบรรจุที่มหาสถูปรุวันเวลิสิยะที่อนุราธปุระ พระเกศาและเส้นที่ตัดแล้วของพระพุทธองค์ที่วัดคงคาราม

กษัตริย์คูหะศิวะแห่งแคว้นกลิงคะทรงให้พระราชธิดา คือ เจ้าหญิงเหมาลาซ่อนพระเขี้ยวแก้วไว้ในมวยผมแล้วหนีออกจากบ้านเมือง ขณะที่พวกฮินดูกำลังได้ชัยชนะ กัตริย์กุหะศิวะทรงพิจารณาว่าหากพวกฮินดูยึดเมืองได้ก็จะทำลายพระเขี้ยวแก้วนี้ ซึ่งมีเรื่องเล่าว่า มีครั้งหนึ่งที่พวกฮินดูพยายามทำลายโดยเอาค้อนทุบแต่ฆ้อนกลับแตก จึงส่งคืนให้ชาวพุทธ เมื่อเจ้าหญิงเหมาลาและเจ้าชายทันตะพระสวามีเดินทางมาถึงศรีลังกาก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากพระเจ้ากิติศิริเมฆวัน โดยทรงสร้างอาคารประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วที่โปโลนนารุวะ และมี พิธีการต่างๆ รวมทั้งการถวายสักการะ แห่ง เพราเฮรา และได้กลายเป็นสิ่งศักสิทธิ์ที่สุดของประเทศนี้

กษัตริย์ต้องสร้างวัดพระเขี้ยวแก้วไว้ใกล้วังและกษัตริย์ ปัจจุบันพระเขี้ยวแก้วอยู่ในความดูแลของพระภิกษุจากวัดมัลวัตตะและวัดอัสสคีรี และคฤหัสถ์ที่สืบตระกูลติยะวัฒนา นิลาเม เป็นผู้พิทักษ์ไม่มีผู้ห็นพระเขี้ยวแก้วบ่อยนักเพราะถูกปิดผนึกแน่น จนใน พ.ศ 2358 เมื่ออังกฤษเข้ายึดแคนดี้ได้ ได้เปิดผอบพิสูจน์ว่าวัตถุสีขาวค่อนไปทางน้ำตาลที่หุ้มด้วยไหมทองคำนั้นเป็นฟันแน่นอน แต่เนื่องจากมีขนาดถึง 5 เซนติเมตร อังกฤษจึงสงสัยว่าเป็นฟันจระเข้ไม่น่าใช่ฟันมนุษย์

วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว ศรีลังกา

thepudomdham brand logo
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า Trustmarkthai
© 2024 เทพอุดมธรรม ทราเวล
TAT LICENSE